ซิดนีย์ 9 มี.ค. – นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลียเปิดเผยว่า โครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จะสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ภายในเดือนตุลาคมนี้ แม้ว่าออสเตรเลียกำลังประสบปัญหาล่าช้าในขั้นต้นของการฉีดวัคซีน
ออสเตรเลียเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ประชาชนราว 25 ล้านคนตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่กลับไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ในช่วงสองสัปดาห์แรก เนื่องจากประสบปัญหาล่าช้าในการฉีดวัคซีนหลังพบผู้สูงอายุ 2 คนที่ได้รับการฉีดวัคซีนเกินขนาดถึงสี่เท่าโดยบังเอิญ นายมอร์ริสัน กล่าวว่า ออสเตรเลียจะฉีดวัคซีนสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ เพราะรัฐบาลได้เตรียมวางแผนเร่งฉีดวัคซีน เมื่อออสเตรเลียเริ่มผลิตวัคซีนใช้เองภายในสิ้นเดือนนี้ เขายังคงมั่นใจในเป้าหมายฉีดวัคซีนให้แก่ชาวออสเตรเลียทุกคนภายในเดือนตุลาคมนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เผชิญกับอุปสรรค ข้อขัดข้อง หรือปัญหาด้านการขนส่ง หรือโลจิสติกส์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับโครงการระดับใหญ่เช่นนี้ นอกจากนี้ ผู้นำออสเตรเลียยังระบุเพิ่มเติมว่า รัฐบาลจะใช้งบประมาณ 1,200 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (28,300 ล้านบาท) เพื่อขยายโครงการเงินอุดหนุนช่วยเหลือค่าจ้างแก่ลูกจ้างอีกด้วย
ในขณะเดียวกัน ออสเตรเลียเริ่มประกาศผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง หลังไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อ หรือพบผู้ป่วยเพียงเลขหลักเดียวมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ซึ่งทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้รวดเร็วขึ้น ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 29,000 คน และผู้เสียชีวิต 909 คน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เนื่องจากออสเตรเลียใช้มาตรการปิดพรมแดนและมีระบบติดตามที่รวดเร็ว.-สำนักข่าวไทย