จาการ์ตา 10 ก.พ. – คณะผู้สอบสวนเครื่องบินตก กล่าวในรายงานเบื้องต้นว่า เครื่องบินโดยสารของสายการบินศรีวิจายาของอินโดนีเซียที่เกิดอุบัติเหตุตกนั้น มีปัญหาความไม่สมดุลของแรงขับของเครื่องยนต์ ที่ทำให้เครื่องบินเสียการทรงตัวและดิ่งลงในทะเล ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิต 62 ราย
คณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติ (เคเอ็นเคที) ของอินโดนีเซีย กล่าวในรายงานที่เผยแพร่ในวันนี้ว่า เมื่อเครื่องบินโดยสารลำดังกล่าว ซึ่งเป็นแบบ 737-500 ของบริษัท โบอิ้ง ที่มีอายุการใช้งานมาแล้ว 26 ปี ไต่ขึ้นไปถึงระดับ 8,150 ฟุต หลังขึ้นจากสนามบิน อุปกรณ์ที่เป็นตัวเร่งน้ำมันเชื้อเพลิงที่เครื่องยนต์ด้านซ้ายเคลื่อนตัวย้อนกลับมากเกินไปในขณะที่อุปกรณ์ของเครื่องยนต์ทางฝั่งขวาอยู่ในตำแหน่งดั้งเดิมไม่ขยับไปไหน เจ้าหน้าที่สอบสวนของเคเอ็นเคที กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่า ชิ้นส่วนนี้ใช้งานไม่ได้หรือไม่ แต่ถือว่าเป็นความผิดปกติ เพราะตัวทางด้านซ้ายขยับกลับไปที่เดิม แต่ตัวทางด้านขวาไม่ได้ขยับไปไหน ซึ่งดูเหมือนว่าจะค้างอยู่ แต่ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ว่า อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความผิดปกติของอุปกรณ์ควบคุมกำลังเครื่องยนต์
รายงานกล่าวว่า เมื่อเครื่องบินไต่สูงถึงระดับ 10,900 ฟุต ระบบการบินอัตโนมัติถูกปลดล็อก และเครื่องบินก็ม้วนไปทางซ้ายมากว่า 45 องศา และเริ่มดิ่งหัวลง เคเอ็นเคที กล่าวว่า ตามเอกสารบันทึกการซ่อมบำรุงก่อนหน้านี้ เครื่องบินลำดังกล่าวมีรายงานปัญหาเกี่ยวกับระบบควบคุมกำลังเครื่องยนต์อัตโนมัติ แต่ก็ได้รับการแก้ไขแล้วเมื่อวันที่ 5 มกราคม หรือ 4 วันก่อนที่เครื่องจะเกิดอุบัติเหตุตกดังกล่าว ขณะนี้นักประดาน้ำยังคงค้นหาเครื่องบันทึกเสียงที่ห้องนักบิน ซึ่งจะช่วยให้เจ้าหน้าที่สอบสวนได้เข้าใจถึงการกระทำของนักบินทั้งสอง ซึ่งมีประสบการณ๋ชั่วโมงบินรวมกันแล้ว 17,900 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย