วอชิงตัน 5 ก.พ. – จอห์นสันแอนด์จอหน์สัน บริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐยื่นขออนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เป็นกรณีฉุกเฉินต่อหน่วยงานกำกับดูแลยาของสหรัฐแล้ว
หากวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันผ่านการอนุมัติ จะกลายเป็นวัคซีนขนานที่สามที่ใช้ได้ในสหรัฐ ซึ่งกำลังเผชิญกับการระบาดอย่างรุนแรง วัคซีนดังกล่าวมีข้อได้เปรียบทางด้านโลจิสติกส์เพราะเป็นวัคซีนฉีดเข็มเดียวและไม่ต้องจัดเก็บในอุณหภูมิที่ต่ำมาก อย่างไรก็ดี ผลการทดลองทางคลินิกระบุว่า วัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันมีประสิทธิภาพไม่ดีนักในการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์แพร่เชื้อเร็วที่พบการระบาดครั้งแรกในแอฟริกาใต้ ทั้งนี้ คณะกรรมการที่ปรึกษาขององค์การอาหารและยาสหรัฐหรือเอฟดีเอจะประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาคำขออนุมัติในวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ จอห์นสันแอนด์จอห์นสันระบุว่า หากวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ผ่านการอนุมัติ จะสามารถส่งมอบวัคซีน 100 ล้านโดสให้แก่สหรัฐภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ และจะกลายเป็นผู้จัดหาวัคซีนรายใหญ่ในสหรัฐที่มีประชากรราว 320 ล้านคน
ในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน จอห์นสันแอนด์จอห์นสันประกาศผลการทดลองทางคลินิกของวัคซีนในอาสาสมัครเกือบ 44,000 คนจาก 8 ประเทศ โดยพบว่าวัคซีนของบริษัทมีประสิทธิภาพป้องกันโรคโควิด-19 ในภาพรวมได้ร้อยละ 66 และมีประสิทธิภาพป้องกันไม่ให้เกิดอาการรุนแรงของโรคได้ร้อยละ 85 อย่างไรก็ดี ผลการทดลองดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลด้านประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโควิดกลายพันธุ์ เนื่องจากวัคซีนมีประสิทธิภาพป้องกันโรคโควิด-19 ได้สูงถึงร้อยละ 72 ในสหรัฐ แต่กลับมีประสิทธิภาพเพียงร้อยละ 57 ในแอฟริกาใต้ ซึ่งพบการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์แพร่เชื้อเร็วที่กำลังระบาดไปทั่วโลก.-603