ซิดนีย์ 11 ธ.ค. – บริษัทผู้พัฒนาวัคซีนของออสเตรเลียเผยว่า ทางการออสเตรเลียตัดสินใจหยุดโครงการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในประเทศแล้ว เนื่องจากทำให้กลุ่มอาสาสมัครมีผลตรวจเอชไอวีเป็นบวกปลอม
ซีเอสแอล บริษัทผู้ผลิตวัคซีนสัญชาติออสเตรเลีย ซึ่งเป็นผู้พัฒนาวัคซีนดังกล่าวร่วมกับมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์แถลงว่า แม้ผลการทดลองทางคลินิกระยะที่ 1 ในอาสาสมัคร 216 คนไม่มีผลอันตรายร้ายแรง แต่แอนติบอดีที่ร่างกายสร้างขึ้นมาทำให้กลุ่มอาสาสมัครบางคนมีผลตรวจเอชไอวีเป็นบวกปลอม ซีเอสแอลจึงตัดสินใจร่วมกับรัฐบาลออสเตรเลียว่าจะหยุดการทดลองทางคลินิกระยะที่ 2 และ 3 ขณะที่นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลียระบุว่า วัคซีนดังกล่าวไม่สามารถเดินหน้าพัฒนาต่อไปได้ ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ และจะไม่ถูกรวมไว้ในแผนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของออสเตรเลียอีกต่อไป
ซีเอสแอลจะเปลี่ยนมาทำหน้าที่ผลิตวัคซีนที่พัฒนาโดยแอสตราเซนเนกา บริษัทยาของอังกฤษจำนวน 20 ล้านโดส เพิ่มเติมจากที่รัฐบาลออสเตรเลียได้สั่งซื้อไว้แล้ว 30 ล้านโดส นอกจากนี้ รัฐบาลยังสั่งซื้อวัคซีนของโนวาแวกซ์และไฟเซอร์ บริษัทผู้ผลิตยาของสหรัฐ ซึ่งจะทำให้มีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ทั้งหมด 140 ล้านโดสสำหรับประชากรออสเตรเลีย 25 ล้านคน และเป็นหนึ่งในประเทศที่ซื้อวัคซีนในอัตราส่วนต่อประชากรที่สูงที่สุดประเทศหนึ่งของโลก ทั้งนี้ ทางการออสเตรเลียวางแผนฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้ชาวออสเตรเลียในเดือนมีนาคมปีหน้า. -สำนักข่าวไทย