ซิดนีย์ 7 ธ.ค.- องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากลหรือดับเบิลยูดับเบิลยูเอฟ (WWF) ประเมินว่า ไฟป่าฤดูร้อนปีที่แล้วในออสเตรเลียทำให้โคอาลาที่เป็นสัตว์พื้นเมืองตาย บาดเจ็บ หรือไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 60,000 ตัว ขณะที่ฤดูร้อนปีนี้ก็กำลังเกิดไฟป่าเช่นเดียวกัน
นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสันของออสเตรเลียเรียกไฟป่าปีก่อนว่า “ไฟป่าทมิฬ” เพราะคร่าชีวิตคน 33 คน เผาพื้นที่ประเทศไปกว่า 150 ล้านไร่ ดับเบิลยูดับเบิลยูเอฟประเมินว่า มีสัตว์พื้นเมืองอยู่ในเส้นทางไฟป่าปีก่อนเกือบ 3,000 ล้านตัว ผู้บริหารของดับเบิลยูดับเบิลยูเอฟในออสเตรเลียระบุในรายงานว่า ตัวเลขโคอาลา 60,000 ตัวที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่าปีก่อนถือว่าสูญเสียอย่างมากสำหรับสัตว์ที่กำลังจะเสี่ยงสูญพันธุ์ทางฝั่งตะวันออกของออสเตรเลีย จึงไม่สามารถปล่อยให้โคอาลาสูญพันธุ์ไปต่อหน้าต่อตาได้ เกาะแคงการูหรือเกาะจิงโจ้ของรัฐเซาท์ออสเตรเลีย ทางตอนกลางค่อนไปทางใต้ ซึ่งเป็นเกาะใหญ่อันดับสามของประเทศ เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด โคอาลาบนเกาะนี้ได้รับผลกระทบจากไฟป่ามากถึง 40,000 ตัว ที่เหลือ 11,000 ตัวเป็นโคอาลาในรัฐวิกตอเรียทางตะวันออกเฉียงใต้ และ 8,000 ตัวเป็นโคอาลาในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ทางตะวันออก
ดับเบิลยูดับเบิลยูเอฟตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนโคอาลาทางฝั่งตะวันออกของออสเตรเลียเป็นสองเท่าภายในปี 2593 ด้วยการใช้โดรนโปรยเมล็ดพันธุ์ขต้นยูคาลิปตัส พืชที่เป็นทั้งอาหารและที่หลบภัยของโคอาลา และตั้งกองทุนส่งเสริมให้เจ้าของที่ดินสร้างสถานที่ปลอดภัยให้แก่สัตว์พื้นเมืองชนิดนี้
รายงานของคณะผู้เชี่ยวชาญในปี 2559 ประเมินจำนวนโคอาลาในออสเตรเลียไว้ที่ 329,000 ตัว แต่ไฟป่าที่เกิดขึ้นต่อเนื่องทุกปี ทำให้จำนวนดังกล่าวลดลงอีก ทั้งนี้ก่อนหน้าเกิดไฟป่า ถิ่นที่อยู่ของโคอาลาก็ถูกรุกล้ำจนลดลงอย่างรวดเร็วอยู่แล้วจากการถางป่าเพื่อทำการเกษตร การขยายตัวของเขตเมือง การทำเหมือง และการทำป่าไม้ คณะกรรมการตรวจสอบในรัฐสภารัฐนิวเซาท์เวลส์สรุปในเดือนมิถุนายนหลังจากตรวจสอบนานหนึ่งปีว่า โคอาลาในรัฐนี้อาจสูญพันธุ์ภายในปี 2593 หากรัฐบาลไม่เร่งปกป้องพวกมันและถิ่นที่อยู่ของพวกมัน.-สำนักข่าวไทย