เจนีวา 23 พ.ย.- การเจรจาข้อตกลงห้ามอุดหนุนการทำประมงของสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) ยังไม่มีวี่แววว่าจะสำเร็จก่อนถึงเส้นตายสิ้นปีนี้ แม้ว่าเปิดเจรจามาตั้งแต่ปี 2544
การเจรจาดังกล่าวมีความเห็นต่างหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องผลกระทบต่อประเทศกำลังพัฒนา เพราะหลายรายเป็นประเทศประมงขนาดใหญ่ การทำประมงมากเกินไปโดยเฉพาะการใช้อวนลาก ทำให้ปริมาณสัตว์น้ำในทะเลลดไปเป็นจำนวนมากทั้งที่เป็นแหล่งยังชีพของคนหลายล้านคน องค์การการค้าโลกกำหนดให้ได้ข้อตกลงยุติการอุดหนุนการประมงที่ไม่มีผลผูกพันภายในสิ้นปีนี้ เพราะการอุดหนุนนำมาซึ่งการทำประมงอย่างผิดกฎหมายและไม่มีการกำกับดูแล นอกจากนี้ยังห้ามการอุดหนุนบางประเภทที่ทำให้มีการทำประมงมากเกินไป แต่มีข้อตกลงพิเศษสำหรับประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาน้อยที่สุด แหล่งข่าวเผยว่า คณะเจรจาทำงานหนักขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายน แต่เผชิญอุปสรรคจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทำให้หลายประเทศไม่มั่นใจว่าจะบรรลุข้อตกลงได้ตามกำหนดเส้นตาย
ข้อมูลของมหาวิทยาลัยโคลัมเบียที่นักการทูตมักนำมาอ้างอิงคือ การอุดหนุนการประมงมีมูลค่าสูงถึง 35,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.07 ล้านล้านบาท) ในปี 2561 ในจำนวนนี้ 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 666,046 ล้านบาท) ใช้เพื่อการเพิ่มจำนวนเรือประมง ขณะที่องค์การอาหารโลกแห่งสหประชาชาติ (FAO) ระบุว่า ปี 2560 สัตว์น้ำเพื่อการพาณิชย์ราว 1 ใน 3 ถูกจับในปริมาณที่ไม่เป็นความยั่งยืนทางชีวภาพ ผลผลิตการประมงทั่วโลกในปี 2561 มากเป็นประวัติการณ์ถึง 96.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 จากอัตราเฉลี่ยในช่วง 3 ปีก่อนหน้านั้น เพราะมีการจับสัตว์น้ำเพิ่มขึ้น เกือบครึ่งมาจาก 7 ประเทศประมงใหญ่ที่สุดในโลกประกอบด้วยจีน อินโดนีเซีย เปรู อินเดีย รัสเซีย สหรัฐและเวียดนาม.- สำนักข่าวไทย