ฮานอย 12 พ.ย. – ผู้นำจากประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 37 ที่เปิดฉากขึ้นในวันนี้ ท่ามกลางการแข่งขันของชาติมหาอำนาจ
การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 37 เปิดฉากขึ้นแล้วในวันนี้ โดยคาดว่าจะมีการหารือในประเด็นเกี่ยวกับความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ และการวางแผนฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ท่ามกลางการแข่งขันระหว่างสหรัฐกับจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น นายเหงียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีของเวียดนามกล่าวเปิดงานประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งล่าสุดผ่านระบบประชุมทางไกลในกรุงฮานอยว่า สมาคมอาเซียนยังไม่ได้ถูกดึงเข้าไปสู่ความโกลาหลในการแข่งขันดังกล่าวและความท้าทายต่อระบบพหุภาคีนานาชาติ แม้ว่าสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้สิ้นสุดลงมาเป็นเวลา 75 ปีแล้ว แต่ความสงบสุขและความปลอดภัยของโลกก็ยังคงไม่ยั่งยืน ปีนี้ทั่วโลกต้องเผชิญกับภัยคุกคามครั้งใหญ่ที่เป็นผลมาจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากความประพฤติที่คาดเดาไม่ได้ของรัฐต่าง ๆ การแข่งขันของชาติมหาอำนาจ และความขัดแย้งต่าง ๆ
นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีของจีนให้สัญญาว่า รัฐบาลจีนจะยังคงประสานงานร่วมกับกลุ่มประเทศอาเซียนในด้านการพัฒนาอย่างสันติ เพื่อส่งเสริมความสงบสุขและความมั่นคงในภูมิภาค ด้านประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ของฟิลิปปินส์กล่าวว่า การระบาดของโรคโควิด-19 นับเป็นความท้าทายของคนรุ่นเรา และเน้นย้ำให้แต่ละประเทศทำงานร่วมกันเพื่อสร้างความมั่นใจว่า ทุกประเทศ ไม่ว่ารวยหรือจน จะได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ปลอดภัย
คาดว่าผู้นำกลุ่มประเทศอาเซียนจะร่วมลงนามในข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคหรืออาร์เซ็ป (RCEP) ที่มีจีนเป็นผู้สนับสนุนในวันอาทิตย์นี้ และจะเป็นข้อตกลงทางการค้าครั้งใหญ่ที่สุดของโลก ทั้งนี้ ข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้สถานะของจีนมีความมั่นคงยิ่งขึ้นในการเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจกับกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ตลอดจนมีสถานะที่ดีขึ้นในการกำหนดระเบียบการค้าของภูมิภาคนี้. – สำนักข่าวไทย