วอชิงตัน 14 ต.ค.- กลุ่มจับตาสิทธิมนุษยชนในสหรัฐระบุว่า รัฐบาลทั่วโลกกำลังใช้เรื่องการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เป็นข้ออ้างเพื่อเพิ่มการเฝ้าสอดส่องและกวาดล้างผู้แสดงความไม่เห็นด้วยออนไลน์ ส่งผลให้เสรีภาพอินเทอร์เน็ตลดลงเป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน
รายงานของฟรีดอมเฮาส์ในกรุงวอชิงตันระบุว่า ทางการในหลายสิบประเทศอ้างเรื่องโรคโควิด-19 ระบาดเพื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่การขยายอำนาจในการเฝ้าสอดส่องและใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่ารุกล้ำมากเกินไป สิ่งนี้นำไปสู่การเพิ่มการตรวจสอบผู้มีความเห็นไม่ลงรอยและขยายการใช้ระบบเทคโนโลยีเพื่อการควบคุมสังคม โรคโควิด-19 แพร่ระบาดเร่งให้สังคมไว้วางใจเทคโนโลยีดิจิทัลในช่วงที่อินเทอร์เน็ตมีเสรีภาพลดลง หากไม่มีการปกป้องความเป็นส่วนตัวและหลักนิติธรรมอย่างเพียงพอ เทคโนโลยีเหล่านี้จะถูกปรับเปลี่ยนให้นำมาใช้กดขี่ทางการเมืองได้อย่างง่ายดาย
รายงานให้คะแนนและสถานภาพเสรีภาพทางอินเทอร์เน็ตใน 65 ประเทศ ใช้ตัวชี้วัด 21 ตัวที่บ่งชี้ถึงอุปสรรคในการเข้าถึง การจำกัดเนื้อหา และการละเมิดสิทธิผู้ใช้พบว่า เสรีภาพอินเทอร์เน็ตลดลงเป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน จีนได้คะแนนน้อยที่สุด 10 คะแนนจากทั้งหมด 100 คะแนน คือไม่มีเสรีภาพ เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน ทางการจีนใช้ทั้งเครื่องมือโลว์เทคและไฮเทคไม่เพียงแค่จัดการการแพร่ระบาด แต่ยังขัดขวางไม่ให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตแบ่งปันข้อมูลจากแหล่งข่าวอิสระและท้าทายเรื่องบอกเล่าของทางการ แนวโน้มนี้กำลังขยายเป็นระบบเบ็ดเสร็จดิจิทัลระดับโลก และทำให้อินเทอร์เน็ตแตกกระจัดกระจายเพราะรัฐบาลแต่ละประเทศใช้ระเบียบของตนเอง
รายงานประเมินว่า ทั่วโลกมีคนใช้อินเทอร์เน็ต 3,800 ล้านคน ร้อยละ 20 อยู่ในประเทศที่อินเทอร์เน็ตมีเสรีภาพ ร้อยละ 32 อยู่ในประเทศที่อินเทอร์เน็ตมีเสรีภาพบางส่วน ร้อยละ 35 อยู่ในประเทศที่ไม่มีเสรีภาพทางอินเทอร์เน็ต ที่เหลืออยู่ในประเทศที่ไม่ได้อยู่ในการจัดอันดับ 65 ประเทศ สำหรับ 8 ประเทศในอาเซียน กัมพูชาได้ 43 คะแนน มีเสรีภาพบางส่วน อินโดนีเซียได้ 49 คะแนน มีเสรีภาพบางส่วน มาเลเซียได้ 58 คะแนน มีเสรีภาพบางส่วน เมียนมาได้ 31 คะแนน ไม่มีเสรีภาพ ฟิลิปปินส์ได้ 64 คะแนน มีเสรีภาพบางส่วน สิงคโปร์ได้ 54 คะแนน มีเสรีภาพบางส่วน ไทยได้ 35 คะแนน ไม่มีเสรีภาพ และเวียดนามได้ 22 คะแนน ไม่มีเสรีภาพ.- สำนักข่าวไทย