เมียนมาร์ 25 พ.ย.-ชะตากรรมของชาวโรฮิงญา ในเมียนมาร์กำลังตกอยู่ในภาะอันตรายอย่างยิ่ง โดยสหประชาชาติกล่าวหาว่ากองทัพเมียนมาร์ กำลังฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญา หลังปฏิบัติการกวาดล้างชาวโรฮิงญาอย่างถอนรากถอนโคน ส่งผลให้คลื่นผู้อพยพ หลั่งไหลเข้าไปในพรมแดนบังกลาเทศอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชน ชาวโรฮิงญาอย่างกว้างขวาง
ฮิวแมนไรท์ วอช องค์กรพิทักษ์ สิทธิมนุษยชนได้เผยแพร่ภาพ หมู่บ้านชาวโรฮิงญา ในรัฐยะไข่ ติดพรมแดนจีนและบังกลาเทศ ถูกจุดไฟเผาจนวอดวายโดยมีการแพร่ภาพเปรียบเทียบทั้งก่อน และหลังหมู่บ้านแห่งนี้ถูกจุดไฟเผา เวลานี้รัฐบาบาลเมียนมาร์ชุดใหม่อายุเพียง 8 เดือน ของนางอองซานซูจี กำลังถูกทดสอบอย่างท้าทาย หลังนางซูจี ยังคงแสดงท่าทีเงียบเฉยต่อชะตากรรมของชาวโรฮิงญา ที่กำลังถูกกองทัพเมียนมาร์เล่นงานอย่างหนัก โดยการปราบ ชาวโรฮิงญาอย่างรุนแรงของกองทัพเมียนมาร์ ได้ใจชาวพม่าอย่างยิ่งที่ไม่ยอมรับชาวโรฮิงญาว่า เป็นพลเมืองของประเทศ แม้คนเหล่านี้จะเข้ามาปักหลักอยู่ในเมียนมาร์นานหลายชั่วอายุคนแล้วก็ตาม แต่เมื่อผู้อพยพโรฮิงญาหนีร้อนไปพึ่งเย็นในบังกลาเทศ พวกเขาก็ถูกผลักใสไล่ส่งออกนอกประเทศเช่นกัน โดยมีเพียงบางส่วนที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้อพยพ ในบังกลาเทศ
ทั้งนี้นางซูจี อยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะไม่กล้าแข็งขืนกับกองทัพเมียนมาร์ ที่ยังคงมีอิทธิพลสูงในประเทศ โดยเธอไม่อนุญาตให้นักข่าวและเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ได้เข้าไปในพื้นที่ รัฐยะไข่ ที่สถานการณ์กำลังคุกรุ่น นับตั้งแต่เกิดเหตุ กองกำลังติดอาวุธเปิดฉากยิงตำรวจพม่าเสียชีวิต 9 คน เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จนกองทัพเมียนมาร์ต้องส่งกองกำลังเข้าไปปราบปราม กองกำลังติดอาวุธ โรฮิงญาให้ราบคาบ โดยมีรายงานว่า ทหารกองทัพเมียนมาร์ ได้ข่มขืนผู้หญิงเผาบ้านและเข่นฆ่าพลเมืองผู้บริสุทธิ์ไปจำนวนมาก ขณะที่กองทัพเมียนมาร์ ปฏิเสธรายงานข่าวนี้ ขณะนี้ไม่มีใครรู้ว่าความจริงในรัฐยะไข่คืออะไร เพราะนักข่าวอิสระไม่เคยได้ลงพื้นที่แถบนี้เลย.-สำนักข่าวไทย