ปราก 7 ต.ค. – สาธารณรัฐเช็กมีผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายใหม่ 4,457 คน ขณะที่ยอดผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนที่ผ่านมา
ยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 4,457 คนกลายเป็นยอดผู้ป่วยรายวันสูงสุดของสาธารณรัฐเช็ก ทำลายสถิติเดิมที่มี 3,794 คน และส่งผลให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 90,022 คน เพิ่มขึ้น 4 เท่านับจากวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ขณะที่ตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลพุ่งสูงขึ้นถึง 10 เท่าในช่วงเวลาดังกล่าว และทำให้ระบบสาธารณสุขของประเทศเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนัก ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งยุโรปหรืออีซีดีซีเผยว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สาธารณรัฐเช็กมีผู้ป่วยติดเชื้อ 326.8 คนต่อประชากร 100,000 คน ทำสถิติแซงหน้าสเปนที่มีผู้ป่วยติดเชื้อ 302.4 คนต่อประชากร 100,000 คน ขณะที่รัฐบาลของสาธารณรัฐเช็กประสบปัญหาในการควบคุมตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นมากกว่าในเดือนมีนาคมและเมษายนเหมือนกับประเทศอื่น ๆ ในทวีปยุโรป แต่ทางการพยายามเลี่ยงการกลับไปใช้มาตรการล็อกดาวน์เข้มงวดที่รวมถึงการปิดร้านค้า ร้านอาหาร โรงเรียน และโรงงานต่าง ๆ ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจของประเทศในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
รัฐบาลสาธารณรัฐเช็กใช้มาตรการบังคับสวมหน้ากากอนามัยให้เข้มงวดยิ่งขึ้น รวมถึงการจำกัดเวลาเปิดบริการของบาร์ จำกัดจำนวนคนที่นั่งรับประทานอาหารภายในร้านอาหาร และออกคำสั่งห้ามจัดงานแสดงดนตรีตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมาเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ขณะที่รัฐมนตรีสาธารณสุขสาธารณรัฐเช็กกล่าวทิ้งท้ายว่า ทางการจะประกาศใช้มาตรการที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในเร็ว ๆ นี้. – สำนักข่าวไทย