โตเกียว 30 ก.ย.- แหล่งข่าวรัฐบาลญี่ปุ่นเผยว่า นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะกำลังพิจารณาเรื่องเดินทางเยือนเวียดนามและอินโดนีเซียช่วงกลางเดือนตุลาคม เป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกหลังจากรับตำแหน่งเมื่อวันที่ 16 กันยายน
เว็บไซต์สำนักข่าวเกียวโดนิวส์อ้างแหล่งข่าวว่า นายกรัฐมนตรีจะสรุปการตัดสินใจหลังจากพิจารณาสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในญี่ปุ่นและสองประเทศอีกครั้ง ซึ่งมีอัตราการติดเชื้อค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับประเทศอื่น เกียวโดนิวส์มองว่า การเยือนสองประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนเป็นความพยายามของญี่ปุ่นที่จะกระชับความสัมพันธ์กับประเทศในภูมิภาคนี้ ในช่วงที่พันธมิตรความมั่นคงหลักอย่างสหรัฐและคู่ค้าใหญ่ที่สุดอย่างจีนมีความสัมพันธ์ตึงเครียดในหลายเรื่อง รัฐบาลจีนต้องการเพิ่มบทบาทในอาเซียน แต่สมาชิกอาเซียนบางประเทศขัดแย้งกับจีนหนักขึ้นในเรื่องการอ้างสิทธิทับซ้อนในทะเลจีนใต้ และบางประเทศไม่เห็นด้วยที่จีนใช้นโยบายแข็งกร้าวกับไต้หวันที่จีนยืนยันว่าเป็นส่วนหนึ่งของจีน
นายคัตสึโนบุ คาโต หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีคนใหม่กล่าวระหว่างแถลงข่าวว่า การที่ผู้นำได้พบหน้ากันจะมีความสำคัญต่อการดำเนินนโยบายทางการทูต หากนายกรัฐมนตรีซูงะไปเยือนเวียดนามและอินโดนีเซียก็จะพบหารือกับนายกรัฐมนตรีเหวียน ซวนฟุกของเวียดนามและประธานาธิบดีโจโก วิโดโดของอินโดนีเซีย บรรยากาศทางการทูตรอบญี่ปุ่นในขณะนี้คาดการณ์และควบคุมได้ยากขึ้น เพราะกระแสความเฉพาะเจาะจงของความเป็นชาติ และความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีน ญี่ปุ่นจึงอยากส่งเสริมวิสัยทัศน์ความเป็นอินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้างด้วยการทำงานร่วมกับหุ้นส่วนที่สนับสนุนค่านิยมเดียวกันนี้
เวียดนามและอินโดนีเซียเป็นสองประเทศแรกที่นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะของญี่ปุ่นเยือนเมื่อรับตำแหน่งสมัยที่สองในเดือนธันวาคม 2555 คาดว่านายกรัฐมนตรีซูงะซึ่งทำหน้าที่หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีให้รัฐบาลอาเบะมาตั้งแต่นั้นจะสานต่อและดำเนินรอยตามนโยบายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของอาเบะต่อไป.- สำนักข่าวไทย