แคลิฟอร์เนีย 23 ก.ย.- ราคาหุ้นเทสลา ผู้ผลิตรถไฟฟ้าสหรัฐร่วงจนมูลค่าในตลาดหายไปถึง 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.57 ล้านล้านบาท) วานนี้ หลังจากนายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอ (CEO) เผยว่าต้องรออีกอย่างน้อย 3 ปีจึงจะมีรถไฟฟ้าราคาถูกออกสู่ตลาด
นักวิเคราะห์ชี้ว่า สิ่งที่นายมัสก์พูดต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นใน “วันแบตเตอรี” วานนี้ไม่มีอะไรจับต้องได้เลย นักลงทุนคาดหวังว่าจะได้ยินเขาประกาศในสองเรื่องสำคัญคือ การพัฒนาแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นาน 10 ปีขึ้นไป และเป้าหมายการลดต้นทุนการผลิตอย่างเจาะจงที่แสดงในรูปของดอลลาร์ต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมงเพราะจะทำให้ราคารถไฟฟ้าถูกกว่ารถใช้น้ำมันเบนซิน ซีอีโอวัย 49 ปีบอกผู้ถือหุ้นว่า จะมีรถไฟฟ้าราคา 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 787,815 บาท) ได้ใน 3 ปี และยอมรับว่า การออกแบบรถและแบตเตอรีที่น่าตื่นตาตื่นใจและกระบวนการผลิตยังไม่เสร็จสมบูรณ์
เทสลาตั้งเป้าจะผลิตรถไฟฟ้าให้ได้มากถึง 20 ล้านคันต่อปี ขณะที่ปีนี้อุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งหมดคาดว่าจะส่งมอบรถได้ 80 ล้านคันทั่วโลก มัสก์เผยว่า แบตเตอรีรุ่นใหม่จะเป็นเซลล์ทรงกระบอกที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ให้พลังงานมากขึ้น 5 เท่า ให้กำลังรถเพิ่มขึ้น 6 เท่า และแล่นได้ระยะทางไกลขึ้น จะเดินเครื่องเต็มกำลังผลิตในอีก 3 ปี บริษัทจะลดต้นทุนการผลิตด้วยการรีไซเคิลเซลล์แบตเตอรีที่โรงงานขนาดยักษ์ของบริษัทในรัฐเนวาดา ลดการใช้โคบอลต์ หนึ่งในวัสดุราคาแพงที่สุดของแบตเตอรีให้เป็นศูนย์ และผลิตเซลล์แบตเตอรีเองตามโรงงานที่ใช้ระบบอัตโนมัติทั่วโลก
รอยเตอร์ระบุว่า ราคารถไฟฟ้าโดยเฉลี่ยลดลงมากในช่วงหลายปีมานี้ แต่ก็ยังคงแพงกว่ารถใช้น้ำมัน เพราะแบตเตอรีเป็นต้นทุนสูงถึง 1 ใน 3 ถึง 1 ใน 4 ของราคา นักวิจัยประเมินว่า จะสู้ได้ต่อเมื่อราคาแบตเตอรีเฉลี่ยที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง (ราว 3,150 บาท) แต่ราคาแบตเตอรีของเทสลาเมื่อปีก่อนยังอยู่ที่ 156 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง (ราว 4,913 บาท).- สำนักข่าวไทย