วอชิงตัน 17 ก.ย.- ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มประเทศร่ำรวยที่มีประชากรเพียงร้อยละ 13 ของโลก จองซื้อวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่อยู่ระหว่างการทดลองแล้วกว่าครึ่งหนึ่ง
องค์กรออกซ์แฟมอเมริกาเผยผลการศึกษาว่า กลุ่มประเทศร่ำรวยที่มีประชากรเพียงร้อยละ 13 ของโลกกว้านซื้อวัคซีนที่อยู่ระหว่างการทดลองแล้วกว่าครึ่งหนึ่งของที่จะผลิตได้ การเข้าถึงวัคซีนที่ช่วยชีวิตคนไม่ควรขึ้นกับว่ามีเงินแค่ไหนหรืออยู่ในประเทศใด เพราะโควิด-19 เป็นโรคที่เกิดขึ้นทุกแห่งทั่วโลก
ผลการศึกษาพบว่า วัคซีนที่มีแนวโน้มได้ผล 5 ขนานซึ่งอยู่ระหว่างการทดลองระยะสามซึ่งเป็นระยะสุดท้ายจะสามารถผลิตได้รวมกัน 5,900 ล้านโดส มากพอสำหรับฉีดให้แก่คน 3,000 ล้านคน เพราะแต่ละคนต้องฉีด 2 โดส แต่ร้อยละ 51 ของวัคซีนเหล่านี้ถูกซื้อหรือจองแล้วจากกลุ่มประเทศร่ำรวยประกอบด้วยสหรัฐ อังกฤษ สหภาพยุโรปหรืออียู ออสเตรเลีย สวิตเซอร์แลนด์ อิสราเอล รวมถึงเขตบริหารพิเศษของจีนอย่างฮ่องกงและมาเก๊า วัคซีนอีก 2,600 ล้านโดสถูกซื้อหรือจองแล้วจากประเทศกำลังพัฒนาขนาดใหญ่อย่างจีน อินเดีย บังกลาเทศ บราซิล อินโดนีเซียและเม็กซิโก
อียูเตือนเมื่อวันพุธให้ระวังกระแสชาตินิยมกว้านซื้อวัคซีนให้เฉพาะคนในประเทศ เพราะจะทำให้กลุ่มเปราะบางที่สุดในประเทศยากจนตกอยู่ในอันตรายจากการเข้าไม่ถึงวัคซีน อียูสนับสนุนให้องค์กรสากลหาทางทำให้การจัดสรรวัคซีนเป็นไปอย่างเท่าเทียม ไม่มีใครจะปลอดภัยหากคนอื่น ๆ ยังไม่ปลอดภัย กระแสชาตินิยมวัคซีนจะทำให้ชีวิตตกอยู่ในอันตราย แต่ความร่วมมือด้านวัคซีนจะช่วยชีวิตได้.- สำนักข่าวไทย