โออีซีดีชี้เศรษฐกิจโลกจะฟื้นเร็วกว่าคาด

ปารีส 16 ก.ย.- องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจหรือโออีซีดี (OECD) ระบุว่า เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อไม่กี่เดือนก่อน เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจจีนและสหรัฐดีขึ้น


โออีซีดีคาดการณ์ในวันนี้ว่า เศรษฐกิจโลกน่าจะหดตัวร้อยละ 4.5 ในปีนี้ ดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนมิถุนายนว่าจะหดตัวร้อยละ 6 และการที่เชื้อไวรัสที่ทำให้เป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ถูกจำกัดไม่ให้แพร่กระจายจนอยู่เหนือการควบคุม จึงคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะกลับมาขยายตัวไม่เกินร้อยละ 5 ในปีหน้า ลดลงเล็กน้อยจากที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัวร้อยละ 5.2 อย่างไรก็ตาม หากเชื้อไวรัสกลับมาระบาดรุนแรงขึ้นหรือต้องใช้มาตรการจำกัดที่เข้มงวดขึ้น อาจทำให้แนวโน้มการขยายตัวในปีหน้าลดลงไปราวร้อยละ 2-3 ได้

โออีซีดีอธิบายว่า ตัวเลขคาดการณ์เหล่านี้มาจากสมมติฐานที่ว่าการระบาดในท้องถิ่นจะดำเนินต่อไป และจะต้องใช้มาตรการจำกัดในระดับท้องถิ่นมากกว่าทั้งประเทศ รวมถึงสมมติฐานที่ว่าจะยังไม่มีวัคซีนป้องกันใช้อย่างกว้างขวางก่อนปลายปีหน้า โออีซีดีชี้ว่า มาตรการของรัฐบาลและธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ ที่อุดหนุนรายได้ครัวเรือนและธุรกิจช่วยให้เศรษฐกิจไม่ชะลอตัวร้ายแรงไปกว่านี้ จึงควรใช้ต่อไปเพราะดูเหมือนว่ายังคงมีการระบาดเกิดขึ้นประปรายอยู่


ตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้ที่ดีขึ้นสะท้อนถึงความแตกต่างอย่างมากระหว่างเศรษฐกิจสหรัฐ จีนและยุโรปที่ดีขึ้นกว่าที่คาด ขณะที่เศรษฐกิจอินเดีย เม็กซิโกและแอฟริกาใต้อาจแย่ลงเพราะต้องหาทางควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โออีซีดีคาดว่า จีนซึ่งเกิดการระบาดเป็นแห่งแรกของโลกและใช้มาตรการจำกัดอย่างรวดเร็ว จะเป็นประเทศเดียวในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่หรือจี 20 (G20) ที่เศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 1.8 จากที่คาดการณ์ว่าจะหดตัวร้อยละ 2.6 ส่วนสหรัฐจะหดตัวร้อยละ 3.8 ดีกว่าเดิมที่คาดว่าจะหดตัวร้อยละ 7.3.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย