ย่างกุ้ง 8 ก.ย.- กลุ่มติดอาวุธในรัฐยะไข่กล่าวหารัฐบาลและกองทัพเมียนมาว่า จงใจแพร่เชื้อไวรัสที่ทำให้เป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในรัฐยะไข่ ด้านทางการเผยว่า ร้อยละ 10 ของผู้ป่วยขณะนี้เป็นบุคลากรทางการแพทย์
เว็บไซต์ข่าวอิรวดีรายงานว่า พล.ต.ตุน เมียะเน็ง ผู้นำทหารสูงสุดของกองทัพอาระกันหรือเอเอ (AA) อัดคลิปถึงชาวยะไข่เมื่อสัปดาห์ก่อน ตั้งคำถามว่าเหตุใดโรคโควิด-19 จึงแพร่มาถึงรัฐยะไข่และเหตุใดอัตราการติดเชื้อในรัฐนี้จึงสูงที่สุดในประเทศ แม้เรื่องนี้เป็นปัญหาทางสุขภาพแต่ก็ควรพิจารณาด้วยว่าเป็นเรื่องทางการเมืองและทางทหารด้วยหรือไม่ รัฐบาลเมียนมาประกาศหยุดยิงเมื่อต้นปีเพื่อควบคุมการระบาด แต่กลับใช้กฎหมายต่อต้านก่อการร้ายเดินหน้าการสู้รบ ส่งทหารจำนวนมากเข้าออกรัฐยะไข่ราวกับจงใจแพร่เชื้อ ทั้งที่ทั่วโลกจำกัดการเดินทางที่ไม่จำเป็นและรักษาระยะห่างทางสังคม ทำให้สงสัยว่าจงใจปล่อยให้เกิดการระบาดในรัฐยะไข่เพื่อประโยชน์ทางการเมืองและทางทหาร
ด้านโฆษกทำเนียบประธานาธิบดีเมียนมาแถลงเมื่อวันศุกร์ว่า ผู้นำเอเอไม่ควรพูดจาไร้ความยั้งคิดเช่นนั้น ในขณะที่คนทั้งประเทศกำลังหาทางช่วยเหลือรัฐยะไข่ เอเอฉวยโอกาสทางการเมืองและทางทหารจากโรคโควิด-19 เพื่อทำให้คนท้องถิ่นเข้าใจผิด เอเอประกาศหยุดยิงแต่เดินหน้าสู้รบและวางทุ่นระเบิดทุกวัน อีกทั้งยังไม่ตอบรับข้อเสนอเจรจาสันติภาพทวิภาคีของรัฐบาล แม้แต่การไปเจรจาในประเทศที่สาม
ขณะเดียวกันอธิบดีกรมป้องกันและควบคุมโรคเมียนมาเผยว่า กว่าร้อยละ 10 ของผู้ป่วยโรคโควิด-19 หลังวันที่ 16 สิงหาคมเป็นบุคคลากรทางการแพทย์ โดยมีจำนวนมากที่สุดในเมืองซิตตเวและเจาะพยู รัฐยะไข่ กระทรวงสาธารณสุขและกีฬาได้ส่งแพทย์ พยาบาลและนักไวรัสวิทยารวม 128 คนไปดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในรัฐนี้ ทั้งหมดไปโดยสมัครใจ เมียนมาพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 ครั้งแรกปลายเดือนมีนาคม ยอดผู้ป่วยทรงตัวที่ 400 กว่ารายจนถึงสัปดาห์ที่สองของเดือนสิงหาคม ส่วนใหญ่เป็นผู้มาจากต่างประเทศ หลังจากนั้นก็เกิดการติดเชื้อในชุมชนอย่างรวดเร็วตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม ก่อนแพร่ไปยังนครย่างกุ้งและอีกหลายเมือง.- สำนักข่าวไทย