ปักกิ่ง 21 ส.ค.- เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกรุงปักกิ่งของจีนยกเลิกข้อกำหนดให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่นอกบ้าน หลังจากไม่พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 มา 13 วันติดต่อกัน
ศูนย์ควบคุมโรคกรุงปักกิ่งเคยอนุญาตให้ประชาชนไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่นอกบ้านครั้งแรกเมื่อปลายเดือนเมษายน ก่อนกลับมาบังคับอีกครั้งในเดือนมิถุนายนเนื่องจากเกิดการระบาดครั้งใหญ่จากตลาดค้าส่งอาหาร ล่าสุดผ่อนคลายระเบียบบังคับสวมหน้ากากอนามัยอีกครั้ง เพราะไม่มีผู้ป่วยใหม่มา 13 วันติดต่อกัน อย่างไรก็ดี ชาวเมืองส่วนใหญ่ยังคงสวมหน้ากากอนามัย บางคนเผยว่า สวมแล้วรู้สึกปลอดภัย ขณะที่บางคนยอมรับว่า ถูกแรงกดดันทางสังคม เกรงว่าคนอื่นจะหวาดกลัวหากไม่สวมเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ สถานการณ์ในกรุงปักกิ่งโดยทั่วไปกลับมาเป็นปกติแล้ว หลังจากที่ต้องปิดเมืองมาแล้ว 2 ครั้ง
ส่วนสถานการณ์ในจีนแผ่นดินใหญ่ทั้งหมด ไม่มีการติดเชื้อในชุมชนมา 5 วันติดต่อกันแล้ว ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ปัจจัยสำคัญมาจากการบังคับใช้ระเบียบท้องถิ่นอย่างเข้มงวด ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย การบังคับกักตัวที่บ้าน และการตรวจหาเชื้ออย่างกว้างขวาง ผู้ป่วยใหม่ที่พบเมื่อวานนี้ 22 คนมาจากต่างประเทศทั้งหมด ขณะที่ยอดผู้ป่วยสะสมตั้งแต่เกิดการระบาดเมื่อปลายปีก่อนจนถึงขณะนี้อยู่ที่ 84,917 คน เสียชีวิต 4,634 คน.- สำนักข่าวไทย