เมลเบิร์น 19 ก.ค. – นครเมลเบิร์น เมืองใหญ่อันดับ 2 ของออสเตรเลีย จะบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยเวลาอยู่ในสถานที่สาธารณะ ในขณะที่นครเมลเบิร์นกำลังพยายามควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่
ในรัฐวิกตอเรีย ซึ่งมีนครเมลเบิร์นรวมอยู่ด้วย มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้วเกือบ 3,000 ราย โดยในวันนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 363 ราย แม้จะใช้มาตรการล็อกดาวน์เป็นเวลา 10 วันก็ตาม นายแดเนียล แอนดริวส์ มุขมนตรีของรัฐวิกตอเรีย กล่าวว่า ประชาชนมากกว่า 5 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในนครเมลเบิร์นและเขตมิตเชลล์ ไชร์ ซึ่งอยู่ติดกัน จะต้องสวมหน้ากากอนามัยหรืออุปกรณ์ที่ปกปิดใบหน้าแบบอื่น ๆ เวลาออกไปยังสถานที่สาธารณะ เนื่องจากจะสามารถช่วยป้องกันการระบาดของโควิด-19 ได้ ผู้ที่ฝ่าฝืน ไม่ปฎิบัติตามระเบียบใหม่นี้ ถูกปรับเป็นเงิน 200 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ ประมาณ 4,500 บาท ซึ่งระเบียบใหม่นี้ครอบคลุมถึงกิจกรรมหลายอย่างเช่น การวิ่งออกำลังกายและการไปทำธุรกรรมที่ธนาคาร เขากล่าวว่า ผ้าพันคอก็สามารถใช้ได้ จนกว่าทางรัฐวิกตอเรียจะสามารถจัดหาหน้ากากอนามัยได้มากเพียงพอ เขากล่าวว่าใช้ผ้าพันคอหรือผ้าเช็ดหน้าขนาดใหญ่ยังดีกว่าไม่มีอะไรปิดบังใบหน้าเลย ระเบียบใหม่นี้ทำให้นครเมลเบิร์น ของออสเตรเลียเป็นสถานที่แรกที่บังคับการให้ประชาชนปกปิดใบหน้า.-สำนักข่าวไทย