ซิดนีย์ 6 ก.ค.- รัฐนิวเซาท์เวลส์และรัฐวิกตอเรียที่มีประชากรมากเป็นอันดับหนึ่งและสองของออสเตรเลียจะปิดพรมแดนระหว่างกันเป็นครั้งแรกในรอบร้อยปี และจะปิดอย่างไม่มีกำหนด หลังจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ระบาดหนักในรัฐวิกตอเรีย
สองรัฐนี้เคยปิดพรมแดนระหว่างกันครั้งหลังสุดในปี 2462 ช่วงไข้หวัดใหญ่สเปนระบาดขณะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 นายแดเนียล แอนดรูว์ มุขมนตรีรัฐวิกตอเรียประกาศในวันนี้เรื่องปิดพรมแดนกับรัฐนิวเซาท์เวลส์ว่า เป็นการตัดสินใจที่เหมาะสมกับเวลานี้เพราะกำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญในการควบคุมเชื้อไวรัสโคโรนา การปิดพรมแดนจะมีผลตั้งแต่เวลา 23.59 น.วันอังคารตามเวลาท้องถิ่น เป็นการตัดสินใจร่วมกันกับนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสสันและนางกลาดิส เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ ส่วนพรมแดนอีกด้านหนึ่งของรัฐวิกตอเรียที่ติดกับรัฐเซาท์ออสเตรเลียถูกปิดไปแล้วก่อนหน้านี้
รัฐวิกตอเรียอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย พรมแดนทางเหนือติดกับรัฐนิวเซาท์เวลส์ พรมแดนทางตะวันตกติดกับรัฐเซาท์ออสเตรเลีย พบผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายใหม่ 127 คนเมื่อคืนที่ผ่านมา มากที่สุดในวันเดียวนับตั้งแต่พบการระบาดในประเทศ และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 คน เป็นผู้เสียชีวิตรายแรกของประเทศในรอบกว่าสองสัปดาห์ เฉพาะที่เมืองเมลเบิร์น เมืองเอกของรัฐเพียงแห่งเดียวมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นจนทางการต้องบังคับใช้มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมใน 30 เขต และปิดอาคารการเคหะ 9 แห่งห้ามคนเข้าออกอย่างเด็ดขาด ออสเตรเลียมีผู้ป่วยโควิด-19 สะสมแล้วกว่า 8,500 คน เสียชีวิต 105 คน.-สำนักข่าวไทย