สหรัฐ 7 มิ.ย.- การประท้วงการเหยียดผิวในสหรัฐยืดเยื้อติดต่อกันมาเป็นวันที่ 12 แล้ว โดยยังมีผู้คนจำนวนมากร่วมชุมนุมตามเมืองต่างๆ ทั่วสหรัฐ ล่าสุด มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้บริหารและผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก ระบุเฟซบุ๊กจะพิจารณาคุมเข้มเนื้อหาข้อความที่เกี่ยวกับความรุนแรง
นับตั้งแต่ที่นายจอร์จ ฟลอยด์ เสียชีวิตขณะถูกตำรวจผิวขาวจับกุมเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา การประท้วงต่อต้านการเหยียดผิวและการใช้ความรุนแรงของตำรวจยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องตามเมืองต่างๆ ทั่วทั้งสหรัฐ และเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ขณะที่สื่อโทรทัศน์และสื่อสังคมออนไลน์ต่างพากันนำคลิปวิดีโอที่ตำรวจใช้กำลังเข้าควบคุมผู้ประท้วงมาเผยแพร่ซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสำนักงานตำรวจและกระบวนการยุติธรรมาของสหรัฐ
ส่วนที่กรุงวอชิงตัน มีคนมาร่วมชุมนุมประท้วงใกล้ทำเนียบขาวนับหมื่นคน ถือเป็นหนึ่งในการชุมนุมประท้วงที่มีคนมารวมตัวกันมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการประท้วง อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า การประท้วงในกรุงวอชิงตันดูเหมือนว่าจะมีคนน้อยกว่าที่คิดไว้ และต้องขอบคุณกองกำลังป้องกันชาติ หน่วยสืบราชการลับ และตำรวจกรุงวอชิงตันที่ทำงานร่วมกันในการควบคุมการประท้วงได้เป็นอย่างดี ทรัมป์ ยังกล่าวตำหนิสื่อต่างๆ ว่าพยายามยุยงให้คนออกมาชุมนุมกันมากๆ แต่น่าเสียดายที่สื่อเหล่านั้นไม่ค่อยมีคนติดตามสักเท่าไร
ล่าสุด มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้บริหารและผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก สื่อสังคมออนไลน์ชื่อดัง บอกว่าจะพิจารณาคุมเข้มเนื้อหาของข้อความที่เกี่ยวกับความรุนแรง หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ผ่านสื่อออนไลน์เมื่อปลายเดือนก่อนว่า เมื่อใดมีการปล้นสะดมในการประท้วง เมื่อนั้นก็จะมีการยิงเกิดขึ้นทันที ส่งผลให้สื่อสังคมออนไลน์อย่างทวิตเตอร์ ต้องขึ้นคำเตือนข้อความของทรัมป์ ขณะที่สแนปแชทตัดสินใจยุติการโปรโมทบัญชีผู้ใช้งานของทรัมป์ เพราะเกรงว่าจะยุยงให้เกิดความรุนแรง ส่วนเฟซบุ๊กกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ส่งผลให้พนักงานของเฟซบุ๊กเกิดความไม่พอใจ จนซัคเกอร์เบิร์ก ต้องออกแถลงการณ์แสดงท่าทีของเฟซบุ๊กต่อความเห็นของทรัมป์ในที่สุด
นอกจากสหรัฐแล้ว ประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทั้งในฝั่งยุโรป ลาตินอเมริกา และเอเชีย ก็มีการประท้วงต่อต้านการเหยียดผิว และการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อสนับสนุนการประท้วงในสหรัฐด้วยเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย