นิวยอร์ก 16 พ.ค.- เจซีเพนนีย์ ห้างสรรพสินค้าของสหรัฐที่มีอายุเก่าแก่ถึง 118 ปี ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์ในฐานะล้มละลายแล้วเพื่อปรับโครงสร้าง หลังจากไม่มีกำไรมาตั้งแต่ปี 2554 และเป็นธุรกิจค้าปลีกในสหรัฐรายล่าสุดที่ล้มละลายเร็วขึ้นเพราะโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19
เจซีเพนนีย์แถลงว่า ได้ยื่นขอใช้มาตรา 11 ที่อนุญาตให้ธุรกิจที่ไม่สามารถชำระหนี้สามารถปรับโครงสร้างได้ ซึ่งจะทำให้ต้องปิดสาขาบางแห่งทั่วสหรัฐจากที่มีอยู่ทั้งหมด 846 สาขา ทางห้างมีเงินสดอยู่ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 16,032 ล้านบาท) และเจ้าหนี้รับปากจะช่วยเหลืออีก 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 28,856 ล้านบาท) ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าเจซีเพนนีย์เตรียมล้มละลายเพราะผิดนัดชำระหนี้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแถลงว่า โรคโควิด-19 แพร่ระบาดก่อให้เกิดความท้าทายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับครอบครัว ชุมชน และประเทศ ก่อนหน้านี้ธุรกิจค้าปลีกอเมริกันเผชิญกับความจริงที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้เจซีเพนนีย์ต้องตัดสินใจอย่างลำบากในการดำเนินธุรกิจจนสามารถกอบกู้ธุรกิจขึ้นมาได้ระดับหนึ่ง แต่ในระหว่างที่กำลังหาทางสร้างความแข็งแกร่งให้กับงบการเงินและยืดสายป่านทางการเงินออกไป การต้องปิดสาขาเพราะโควิด-19 ระบาดทำให้ต้องทบทวนครั้งใหญ่รวมถึงการขจัดหนี้ที่ยังค้างชำระ
เจซีเพนนีย์ตั้งขึ้นโดยนายเจมส์ แคช เพนนีย์ ที่รัฐไวโอมิงเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2445 สามารถผ่านพ้นช่วงเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในปี 2472 และขยายกิจการจนเป็นห้างสรรพสินค้าชานเมืองยักษ์ใหญ่ของประเทศ ธุรกิจเริ่มซบเซาตั้งแต่ทศวรรษก่อนเมื่อเกิดคู่แข่งอย่างร้านค้าออนไลน์และร้านเสื้อผ้าแฟชั่นราคาถูก ข้อมูลที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐระบุว่า มีพนักงานประมาณ 90,000 คน สาขาเกือบ 850 แห่งทั่วประเทศ.-สำนักข่าวไทย