นิวเดลี 14 พ.ค.- กลุ่มสิทธิเตือนว่า ทางการอินเดียที่เร่งผลักดันให้ประชาชนใช้แอปพลิเคชันติดตามตัวเพื่อควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 อาจรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของประชาชน เพราะใช้จีพีเอส (GPS) เก็บข้อมูลตำแหน่งผู้คนและสร้างฐานข้อมูลกลาง ซึ่งเป็นวิธีที่ประเทศอื่นไม่ทำ
แอปอโรคยาเซตู (Aarogya Setu) ใช้เทคโนโลยีบลูทูธบนสมาร์ทโฟนบันทึกข้อมูลเมื่อผู้ใช้ใกล้ชิดกับผู้อื่น หากบุคคลใดติดเชื้อไวรัสโคโรนาก็จะสามารถแจ้งเตือนคนใกล้ชิดได้อย่างรวดเร็วเหมือนแอปอื่น ๆ ที่ใช้ในหลายประเทศ แต่แอปของอินเดียยังใช้เทคโนโลยีจีพีเอสบอกตำแหน่งเก็บข้อมูลผู้ใช้ไปสร้างฐานข้อมูลกลางเรื่องการแพร่ระบาด ขณะที่ประเทศอื่นไม่ใช้เพราะรุกล้ำความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้อินเดียยังเลียนแบบระบบคิวอาร์โคดของจีนที่จัดลำดับสุขภาพของผู้ใช้เป็นสีเขียว เหลือง แดง ตามระดับความเสี่ยงแพร่เชื้อ แต่อินเดียกลับนำระบบนี้มาเป็นเกณฑ์ในการบังคับให้พนักงานภาครัฐและเอกชนกลับไปทำงาน
ศูนย์กฎหมายเสรีภาพซอฟต์แวร์ระบุว่า อินเดียเป็นประเทศประชาธิปไตยประเทศเดียวในโลกที่บังคับประชาชนดาวน์โหลดแอปติดตามตัว และนำข้อมูลไปใช้โดยไม่ถามความสมัครใจ กระทรวงการรถไฟสั่งให้ผู้โดยสารทุกคนต้องดาวน์โหลดแอปก่อนใช้บริการ ขณะที่กองกำลังตรวจตราท่าอากาศยานและสถานีรถไฟฟ้าในกรุงนิวเดลีก็เสนอให้ใช้มาตรการเดียวกัน ตำรวจเมืองโนอิดา ซึ่งเป็นเมืองบริวารของนิวเดลีใช้ประมวลกฎหมายอาญาบังคับประชาชนคนเดินถนนทุกคนให้ดาวน์โหลดแอปนี้ ขณะที่มูลนิธิเสรีภาพอินเทอร์เน็ตเตือนว่า ศูนย์ข่าวสารแห่งชาติที่พัฒนาแอปอโรคยาเซตูสามารถแบ่งปันข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้กับหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาล หน่วยงานสาธารณสุข และหน่วยงานวิจัยได้อย่างเสรี นำไปสู่การสร้างฐานข้อมูลถาวรที่เก็บข้อมูลส่วนตัวของพลเมืองชาวอินเดีย เป็นวิธีรวมศูนย์ที่ไม่ใช่เพื่อรับมือกับวิกฤตสาธารณสุขเท่านั้น แต่เพื่อนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์สูงสุด
จนถึงขณะนี้มีชาวอินเดียดาวน์โหลดแอปนี้แล้วเกือบ 100 ล้านคนนับจากเปิดตัวเมื่อต้นเดือนเมษายน รัฐบาลเตรียมออกเวอร์ชันใหม่ที่เหมาะกับผู้ใช้สมาร์ทโฟนราคาถูกราว 100 ล้านคน ขณะที่ชาวอินเดียอีก 400 ล้านคนใช้โทรศัพท์ธรรมดาที่ดาวน์โหลดแอปไม่ได้ ทางการจึงเปิดหมายเลขฟรีให้ประชาชนกลุ่มนี้เข้าถึงผ่านระบบเสียงตอบรับอัตโนมัติแทน.-สำนักข่าวไทย