สหรัฐ, อังกฤษ 11 พ.ค.- รัฐนิวยอร์กออกกฎใหม่สำหรับบ้านพักคนชรา หลังพบกว่า 30% ของผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 อยู่ในบ้านพักคนชรา ส่วนอังกฤษเตรียมยกเลิกล็อกดาวน์ใน 2 เดือนข้างหน้า
นายแอนดรูว์ คัวโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก แถลงเมื่อว่า สิ่งสำคัญเร่งด่วนในขณะนี้คือปกป้องชีวิตคนในบ้านพักคนชรา ทั้งนี้ เนื่องจากผลสำรวจพบว่า คนในบ้านพักคนชราเสียชีวิตจากโควิด-19 ถึง 25,000 คน หรือ 38% ของผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั้งหมดในสหรัฐที่มีเกือบ 80,000 คน ซึ่งมากที่สุดในโลก
ดังนั้น จึงออกกฎใหม่ให้ตรวจโควิด-19 ในบ้านพักคนชราสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และหากบ้านพักคนชราใด ไม่มีที่เพียงพอสำหรับการกักกันผู้ติดเชื้อ ให้เร่งส่งไปยังสถานที่กักกันอื่นๆ โดยเร็ว หากไม่ทำตามกฎใหม่นี้ อาจถูกยับยั้งใบอนุญาตหรือยึดใบอนุญาตคืนทันที พร้อมกันนั้นก็สั่งห้ามญาติเข้าเยี่ยมคนชราในบ้านพัก ยกเว้นแต่จะเป็นการเยี่ยมเพื่อดูใจเป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้น และย้ำว่ากฎนี้เข้มงวด แต่ก็จำเป็น สำหรับปกป้องผู้ที่เปราะบางที่สุดต่อโควิด-19
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐ เพิ่มขึ้นอีก 776 คน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมเป็น 79,522 คน อย่างไรก็ตาม ผู้เสียชีวิตรายวันล่าสุดนี้ถือว่าต่ำสุดนับแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา ซึ่งเฉลี่ยวันละ 1,000-2,500 คน ซึ่งขณะนี้ในสหรัฐมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 กว่า 1.3 ล้านคน
ด้านอังกฤษนั้น นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน เปิดเผยแผนการที่จะคลายล็อกเป็นระยะๆ ตลอด 2 เดือนข้างหน้า โดยจะเริ่มจากการเปิดโรงเรียนและร้านค้าต่างๆ ก่อนเป็นอันดับแรกในต้นเดือนหน้า และเปิดภัตตาคารกับธุรกิจต่างๆ ในเดือนกรกฎาคม นายจอห์นสันย้ำว่า ประชาชนควรให้ความร่วมมือในกฎข้อบังคับต่างๆ เพราะสถานการณ์แพร่ระบาดยังไม่ถึงระดับที่จะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ได้ สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในอังกฤษขณะนี้ อยู่ที่กว่า 31,000 คน ซึ่งมากที่สุดในโลกเป็นที่ 2 รองจากสหรัฐ.-สำนักข่าวไทย