สหรัฐ 7 พ.ค.- ผู้นำสหรัฐ ชี้โควิด-19 เลวร้ายกว่าเหตุโจมตีอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ และเหตุวินาศกรรมสหรัฐเมื่อปี 2544
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ยังคงวิพากษ์วิจารณ์จีนที่เป็นต้นตอการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไปทั่วโลก พร้อมทั้งเปรียบเปรยว่าโรคนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับสหรัฐมากกว่าเหตุโจมตีฐานทัพเรือสหรัฐที่อ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์เมื่อปี 2484 และเหตุวินาศกรรมสหรัฐเมื่อเดือนกันยายนปี 2544 และต้องถือว่าโรคโควิด-19 เป็นการโจมตีสหรัฐครั้งเลวร้ายที่สุดอย่างแท้จริง อย่างไรก็ดี เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยหากจีนหยุดยั้งเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ตั้งแต่เริ่มระบาดขึ้นในจีน
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังกล่าวปกป้องตัวเอง หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่สวมหน้ากากในระหว่างตรวจเยี่ยมโรงงานผลิตหน้ากากในเมืองฟีนิกซ์รัฐแอริโซนา โดยระบุว่าเขาไม่จำเป็นต้องใส่และได้สอบถามเจ้าหน้าที่โรงงานแล้วว่าเขาต้องสวมหน้ากากหรือไม่ ซึ่งได้คำตอบว่าไม่มีความจำเป็น ทรัมป์บอกด้วยว่าเขามีหน้ากากติดตัวอย่างน้อย 4 ชิ้นและช่วยไม่ได้ที่ไม่มีใครเห็นเขาตอนสวมหน้ากาก
ส่วนนายแอนดรู คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุดในสหรัฐ เผยจากข้อมูลเบื้องต้นของรัฐนิวยอร์ก ชี้ให้เห็นว่าอัตราการเสียชีวิตของผู้ที่ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่อยู่ที่ราวร้อยละ 0.5 ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำกว่าที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสระบุไว้ที่เกือบร้อยละ 5 ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อในรัฐนิวยอร์ก ได้ลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 10 แล้ว และจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ก็ลดลงเช่นกัน ชี้ให้เห็นว่ารัฐนิวยอร์กดูเหมือนจะผ่านจุดที่เลวร้ายที่สุดของการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ไปแล้ว.-สำนักข่าวไทย