วอชิงตัน 13 เม.ย.- ดร.แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อของสหรัฐคาดว่า สหรัฐอาจจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ได้ในเดือนพฤษภาคม ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ตอบโต้นิวยอร์กไทมส์ที่วิจารณ์เรื่องรับมือล่าช้า
ดร.เฟาซีให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น (CNN) ว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเริ่มผ่อนคลายมาตรการบางอย่างในเดือนหน้า หวังว่าจะเห็นได้ภายในสิ้นเดือนนี้ว่าสามารถทำได้อย่างปลอดภัยและระมัดระวัง ไม่เช่นนั้นก็จะต้องปิดเมืองต่อไป แต่ละพื้นที่จะมีความพร้อมแตกต่างกันไป ไม่ใช่การทำคราวเดียวทั้งประเทศ เขาค่อนข้างมีความเห็นในแง่ดีเพราะจำนวนผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลและผู้ป่วยอาการหนักเริ่มลดลง ด้าน ดร.สตีเฟน ฮาห์น กรรมาธิการสำนักงานอาหารและยาสหรัฐหวังว่า จะเปิดประเทศได้อีกครั้งในวันที่ 1 พฤษภาคม แต่ก็คิดว่าเร็วเกินไปที่จะบอกได้ ขณะที่นายแอนดรูว์ คัวโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กที่สถานการณ์รุนแรงที่สุดเผยว่า ต้องการเปิดเมืองให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่ต้องทำอย่างชาญฉลาด ส่วนนายฟิล เมอร์ฟี ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์มองว่า การฟื้นเศรษฐกิจจะทำได้หลังจากที่ฟื้นด้านสาธารณสุขอย่างเต็มที่แล้ว เพราะหากเริ่มต้นใหม่เร็วเกินไปจะกลายเป็นการราดน้ำมันเข้ากองไฟ
สหรัฐมีประชากรร้อยละ 4.25 ของทั้งโลก แต่มีผู้ป่วยโควิด-19 มากที่สุดในโลกที่ 559,409 คน คิดเป็นร้อยละ 30 ของทั้งโลกที่ 1,846,680 คน มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลกที่ 22,071 คน คิดเป็นเกือบร้อยละ 20 ของทั้งโลกที่ 114,090 คน หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ลงบทความยาวเหยียดเมื่อวานนี้ ตำหนิประธานาธิบดีทรัมป์ว่าล่าช้าในการรับมือกับการระบาด ส่วนหนึ่งเพราะเชื่อมั่นในสัญชาติญาณของตนเองและไม่เชื่อเจ้าหน้าที่ ทำให้ทรัมป์ทวีตตอบโต้ว่า บทความนี้เป็นข่าวเท็จเหมือนกับตัวหนังสือพิมพ์ เขาถูกตำหนิว่าดำเนินการเร็วเกินไปที่ห้ามคนเดินทางมาจากจีนเข้าสหรัฐ ก่อนที่ประเทศอื่น ๆ จะทำ.- สำนักข่าวไทย