ความสัมพันธ์สหรัฐ-อาเซียนในยุคทรัมป์

กรุงเทพฯ 1 ธ.ค. – บรรดานักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ต่างเห็นสอดคล้องกันว่า หากสหรัฐถอนตัวจากกรอบข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ หรือ TPP จะเป็นผลเสียต่อสหรัฐมากกว่า


เมื่อวานนี้ ศูนย์ C ASEAN จัดงานเสวนาหัวข้อ “นโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์กับอาเซียน” โดยมีผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ และผู้ที่เกี่ยวข้องด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองต่ออนาคตของอาเซียน และสหรัฐภายใต้การบริหารของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45 ทั้งในมิติเศรษฐกิจ การเมือง ความมั่นคง สังคม และการศึกษา

หนึ่งในประเด็นสำคัญ ของวงเสวนาดังกล่าว คือ กรณีที่นายทรัมป์ ประกาศจะนำสหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ หรือ TPP ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อชาติสมาชิกอาเซียน โดยเฉพาะประเทศที่ร่วมเป็นภาคี ของ TPP ซึ่งได้แก่เวียดนาม สิงคโปร์ บรูไน และมาเลเซีย ทั้งนี้ ผู้ร่วมเสวนา มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า การตัดสินใจของนายโดนัลด์ ทรัมป์จะเป็นผลเสียต่อสหรัฐมากกว่า เนื่องจากทำให้สหรัฐเสียโอกาสทางการค้าการลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่กำลังเต็มไปด้วยช่องทางที่สดใส ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่สหรัฐ อาจจะเจรจาเพื่อทบทวนข้อตกลงกันใหม่กับอีก 11 ประเทศสมาชิก TPP


อย่างไรก็ตาม หากสหรัฐถอนตัวจากข้อตกลง TPP จริงตามคำประกาศของนายทรัมป์ ซึ่งอาจทำให้ 4 ประเทศสมาชิกอาเซียน (เวียดนาม สิงคโปร์ บรูไน และมาเลเซีย) เสียประโยชน์ กลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน ก็ยังมีกรอบข้อตกลง RCEP หรือ ความตกลงพันธมิตรทางการค้าระดับภูมิภาค ที่จะเป็นประโยชน์โดยรวม เนื่องจากเป็นข้อตกลงการค้าเสรีที่มีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ และหากข้อตกลง RCEP บรรลุผล จะทำให้จีนซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศคู่เจรจา มีบทบาทในภูมิภาคเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น ซึ่งก็จะส่งผลให้ในท้ายที่สุด สหรัฐจำเป็นต้องหันมาเจรจาข้อตกลงการค้าฉบับใหม่กับทั้งภูมิภาค เพื่อไม่ให้เสียโอกาส แทนการทำข้อตกลงการค้าแบบทวิภาคี ซึ่งเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับสหรัฐมากกว่า

ด้านนายเหวียน ตัด ถั่น เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทยกล่าวว่า เวียดนามจะยังคงเดินหน้ากระชับความสัมพันธ์กับสหรัฐ และประชาคมโลก โดยเฉพาะในเอเชียแปซิฟิกต่อไป พร้อมเสนอแนะว่าแต่ละประเทศยังจำเป็นต้องร่วมมือกันสร้างความแข็งแกร่ง และเชื่อว่า TPP จะยังสามารถเดินหน้าต่อไป แต่อาจล่าช้ากว่ากำหนด หรืออาจมีการทบทวนข้อตกลงใหม่ที่เป็นประโยชน์มากขึ้น.- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้นหาร่างใต้ตึกถล่ม

คาดไม่เกิน 1 สัปดาห์ ทราบชัดมีผู้ติดค้างในซากอาคาร สตง.หรือไม่

คาดไม่เกิน 1 สัปดาห์ จะทราบชัดมีผู้ติดค้างในซากอาคาร สตง. หรือไม่ ปัจจุบันการทำงานบริเวณทางเชื่อมด้านอาคารจอดรถด้านหลังยังลงไปไม่ถึงพื้นของชั้นใต้ดิน

ผบ.ตร. สั่งเร่งตรวจสอบ ตร.พาผู้ต้องหาลอบนำข้อสอบฯ ออกจากโรงพัก

ผบ.ตร. สั่งเร่งตรวจสอบกรณีมีตำรวจพาผู้ต้องหาลักลอบนำข้อสอบฯ ออกจากโรงพัก ทั้งที่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ย้ำใครผิดว่าไปตามผิด

รวบมือปาหิน

รวบแล้วมือปาหินใส่รถ ย่านบางนา-ตราด อ้างขาดสติเพราะดื่มเหล้า

รวบแล้วมือปาหินใส่รถประชาชน ย่านบางนา-ตราด อ้างขาดสติเพราะดื่มเหล้า พบประวัติเคยถูกจับมาแล้ว 12 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 13

ข่าวแนะนำ

กำชับเฝ้าระวังโรค “แอนแทรกซ์” เข้มข้น

“สมศักดิ์” กำชับเฝ้าระวังโรค “แอนแทรกซ์” เข้มข้น จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย จับมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันจำกัด-ยับยั้ง การแพร่ระบาด พร้อมเตือนรับประทานหมูดิบ เสี่ยงโรคหูดับตลอดชีวิต

ผู้ว่าฯ กทม. คาด 4 วันเคลียร์ซากตึก สตง. ก่อนส่งคืนพื้นที่

ผู้ว่าฯ กทม. คาด 4 วัน เคลียร์พื้นที่ซากอาคาร สตง. เพื่อค้นหาผู้สูญหายได้หมด ก่อนส่งมอบพื้นที่คืนหน่วยงานที่รับผิดชอบต่อไป

บราซิลทำลายแผนวางระเบิดฟรีคอนเสิร์ต ‘เลดี้ กาก้า’

ตำรวจบราซิลทำลายแผนโจมตีงานฟรีคอนเสิร์ตของ “เลดี กากา” ที่จัดขึ้นที่บริเวณชายหาดโคปาคาบานา นครริโอเดจาเนโร เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา กลุ่มวางแผนก่อเหตุเป็นพวกเครือข่ายดิจิตอลที่สนับสนุน