สหรัฐ 30 มี.ค.- สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในสหรัฐยังคงวิกฤติหนัก ทำให้ผู้นำสหรัฐต้องตัดสินใจขยายเวลาใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมออกไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน
สหรัฐซึ่งเวลานี้กลายเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ยังคงอยู่ในช่วงที่วิกฤติในแต่ละวันมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นจำนวนมาก เฉพาะเมื่อวานนี้มีผู้เสียชีวิตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 518 คน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดเพิ่มเป็น 2,484 คนแล้ว ซึ่งสูงเป็นอันดับ 6 ของโลก และมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีกกว่า 18,000 คน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็นกว่า 140,000 คนแล้ว ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดในโลก
สถานการณ์ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลายทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องตัดสินใจขยายเวลาใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมออกไปจนถึงวันที่ 30 เมษายนเพื่อชะลอการแพร่ระบาด จากเดิมที่จะครบกำหนดในวันอีสเตอร์ ซึ่งตรงกับวันที่ 12 เมษายน
ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า จำนวนผู้ติดเชื้อน่าจะเพิ่มสูงสุดในช่วงอีสเตอร์ และหากไม่มีมาตรการใดๆ หรือไม่มีการเว้นระยะห่างทางสังคมก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีชาวอเมริกันต้องติดเชื้อถึง 2.2 ล้านคน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านการแพทย์ของทำเนียบขาวคาดการณ์ว่าอาจจะมีผู้เสียชีวิตมากถึง 100,000 หรือ 200,000 คน ประธานาธิบดีทรัมป์คาดการณ์ว่าสถานการณ์ในสหรัฐน่าจะฟื้นตัวในช่วงเดือนมิถุนายนจากเดิมที่เคยคาดว่าจะเริ่มดีขึ้นในช่วงเทศกาลอีสเตอร์
ด้านนางเดโบราห์ เบิร์กซ์ ผู้ประสานงานทำเนียบขาวในการรับมือกับการแพร่ระบาดเรียกร้องให้ทางการท้องถิ่นระดับรัฐและเมืองเร่งเตรียมความพร้อมเช่นเดียวกับที่รัฐนิวยอร์กได้ดำเนินการ ซึ่งเวลานี้ทางการท้องถิ่นรัฐนิวยอร์กได้เตรียมพร้อมโรงพยาบาลชั่วคราว ซึ่งสามารถรองรับผู้ป่วยได้หลายพันเตียง รวมทั้งจัดทำแผนการรักษาในการรองรับผู้ป่วยจำนวนมาก แต่เวลานี้สหรัฐยังขาดแคลนเครื่องช่วยหายใจ หน้ากากอนามัย และชุดป้องกันการติดเชื้อเช่นเดียวกับในหลายประเทศทั่วโลก.-สำนักข่าวไทย