แฟรงก์เฟิร์ต 30 มี.ค.- หน่วยงานอิสระชี้ว่า มาตรการมูลค่า 750,000 ล้านยูโร (ราว 27.15 ล้านล้านบาท) ของรัฐบาลกลางเยอรมนีจะบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ระบาดได้เพียงสองเดือนเท่านั้น ด้านรัฐมนตรีคลังรัฐท้องถิ่นฆ่าตัวตาย คาดว่าเครียดจากปัญหาเศรษฐกิจ
สถาบันเพื่อการวิจัยเศรษฐกิจไลบ์นิซเผยกับสื่อเยอรมนีเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่นว่า หากมองแค่ระยะสั้นรัฐบาลกำลังแสดงบทบาทสำคัญในการประสานเศรษฐกิจมากกว่าปกติ แต่หากการปิดประเทศกินเวลานานกว่า 2 เดือน จะต้องมีมาตรการชุดใหม่ที่อาจทำให้ฐานะการคลังของประเทศเข้าสู่ภาวะขาดดุลงบประมาณอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ดังนั้นรัฐบาลจึงควรทุ่มเททรัพยากรไปกับการตรวจหาเชื้อคนทำงานทุกคนอย่างสม่ำเสมอ โดยอาจตรวจทุกสัปดาห์เพื่อให้พวกเขาสามารถกลับไปทำงาน ผู้ที่ไม่ติดเชื้อหรือมีภูมิคุ้มกันแล้วควรกลับไปทำงานได้ เพราะการให้ทุกคนกักตัวอยู่ในบ้านนานหลายเดือนโดยไม่คัดกรองว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง คนแข็งแรง หรือคนมีภูมิต้านทาน ไม่ใช่ทางออกที่ใช้ได้จริง เยอรมนีพบผู้ป่วยโควิด-19 แล้ว 58,247 คน มากเป็นอันดับ 5 ของโลก แต่เสียชีวิตเพียง 455 คน
ด้านมุขมนตรีรัฐเฮสเซิน ทางตอนกลางค่อนไปทางตะวันของเยอรมนี ซึ่งเป็นที่ตั้งของนครแฟรงก์เฟิร์ต เมืองหลวงทางการเงินของประเทศ แถลงเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่นว่า นายโทมัส เชเฟอร์ รัฐมนตรีคลังของรัฐฆ่าตัวตาย คาดว่าเกิดจากความเครียดเรื่องหาทางรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิด-19 เพราะทำงานทั้งวันทั้งคืนเพื่อช่วยภาคธุรกิจและคนทำงาน เป็นเรื่องน่าเสียใจอย่างยิ่งเพราะสถานการณ์ขณะนี้ต้องการคนอย่างนายเชเฟอร์ที่ทุ่มเททำงานมาตลอด 10 ปี มีผู้พบศพนายเชเฟอร์วัย 54 ปี ใกล้รางรถไฟเมื่อวันเสาร์ สำนักงานอัยการสันนิษฐานว่าเขาฆ่าตัวตาย.- สำนักข่าวไทย