ยูเออี พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว 59 ราย เร่งเพิ่มมาตรการคัดกรอง

ยูเออี 10 มี.ค. – ความคืบหน้าสถานการณ์ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พบมีผู้ติดเชื้อ 59 รายเพิ่มมาตรการคัดกรอง แต่ยังไม่ระงับหรือห้ามผู้โดยสารเดินทางเข้าออกประเทศ


เฟซบุ๊ก สถานเอกอัครราชทูต กรุงอาบูดาบี โพสต์ข้อความระบุถึงความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ว่าวันนี้ (10 มี.ค.63) มีจำนวนผู้ติดเชื้อ 59 ราย (รวมผู้ที่รักษาหายแล้ว) จำนวนผู้ที่รักษาตัวหายแล้ว 12 ราย


จำนวนผู้ที่ยังต้องรับการรักษาตัวในโรงพยาบาล 47 ราย เป็นสัญชาติของผู้ป่วย 18 สัญชาติ แบ่งเป็น


จีน (10ราย) ยูเออี (8ราย) อิหร่าน (8ราย) อิตาลี (7ราย) อินเดีย (5ราย) รัสเซีย (3ราย) บังกลาเทศ (3ราย) ฟิลิปปินส์ (2ราย) ซาอุดิอาระเบีย (2ราย) เอธิโอเปีย (2ราย) เนปาล (2ราย) บาห์เรน เยอรมัน โคลอมเบีย ไทย โมร็อกโก อียิปต์ ซีเรีย (ประเทศละ 1 ราย)

สำหรับสัญชาติที่ทำการรักษาหายแล้ว คือ จีน (8ราย) ยูเออี (2ราย) เอธิโอเปีย (2ราย) ไทย (1ราย)

สำหรับมาตรการด้านสาธารณสุขของรัฐบาลยูเออี คือ เพิ่มมาตรการคัดกรองผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานทั้งในกรุงอาบูดาบีและเมืองดูไบ และผู้โดยสารต้องผ่านการตรวจสุขภาพ วัดอุณหภูมิ ตรวจสารคัดหลั่งก่อนเข้าประเทศ และให้ยกเลิกการสัมมนาและการประชุมระหว่างประเทศ ทั้งนี้ได้เปิดศูนย์กักกันผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสเป็นกรณีพิเศษ 

อย่างไรก็ตามขณะนี้ ยังไม่มีการระงับหรือห้ามผู้โดยสารเดินทางเข้าออกประเทศยูเออี ผู้โดยสารยังเดินทางและเปลียนเครื่องบิน (Transit) ได้ตามปกติ โดยอาจต้องเผื่อเวลาเพื่อปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขของยูเออีอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง

วันนี้ (10 มี.ค.) เวลา 15.00 . ตามเวลาท้องถิ่น กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ประกาศค้นพบผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 ในยูเออีเพิ่มอีก 15 ราย ทำให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อไวรัสในยูเออีขณะนี้รวมเป็น 74 ราย และรักษาหายแล้ว 12 ราย โดยยังมีผู้ที่อยู่ระหว่างรับการรักษาตัว 62 ราย

ผู้ป่วยทั้ง 15 รายประกอบด้วย กลุ่มคนที่มีการสัมผัสและติดต่อกับผู้ป่วยก่อนหน้านี้ และผู้ที่เพิ่งเดินทางจากต่างประเทศมายังยูเออี โดยผู้ป่วยทั้งหมดได้ถูกนำตัวไปยังโรงพยาบาลเพื่อทำการคัดแยกและรักษาตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

กระทรวงสาธารณสุขยูเออียังคงประกาศให้ผู้คนหมั่นรักษาสุขอนามัย ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ และใช้เจลแอลกอฮอล์อย่างสม่ำเสมอ โดยผู้ป่วยที่มีอาการเกี่ยวกับทางเดินหายใจโปรดหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่หรือชุมชนแออัด

สถานเอกอัครราชทูต กรุงอาบูดาบี ยังคงติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอย่างใกล้ชิด และจะประชาสัมพันธ์ข่าวสารให้ชุมชนคนไทยทราบเป็นระยะต่อไป ทั้งนี้ ขอให้ชุมชนคนไทยปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขยูเออี และตรวจสอบเที่ยวบินกับสายการบินก่อนเดินทางอย่างสม่ำเสมอด้วย .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ส่งชาวจีนกลับบ้าน

เสร็จสิ้นภารกิจส่ง 621 เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับจีน

จบภารกิจส่งชาวจีนเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา รวม 3 วัน 13 เที่ยวบิน ส่งกลับชาวจีน 621 คน ที่เหลือต้องรอการเจรจา 3 ฝ่าย ไทย จีน และเมียนมา กำหนดแนวทางรับตัวอีกครั้ง

ทำบุญครบรอบแตงโมเสียชีวิต

เพื่อนสนิททำบุญครบรอบ 3 ปี “แตงโม” เสียชีวิต

กลุ่มเพื่อนสนิทของ “แตงโม ภัทรธิดา” นักแสดงสาวผู้ล่วงลับ จัดพิธีทำบุญครบรอบ 3 ปี การเสียชีวิตของนางเอกคนดัง ที่วัดปากน้ำ ซ.พิบูลสงคราม 1 อ.เมือง จ.นนทบุรี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง