จีน 21 ก.พ.- ภาพสะเทือนใจ ภรรยาผอ.โรงพยาบาลอู่ฮั่นยื้อรถขนศพสามี ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด 19 เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดขึ้นไปอยุ่ที่ 2,236 คน ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่มีแนวโน้มลดลง
เป็นอีก 1 คลิปสะเทือนใจ ที่ถูกแชร์ไปทั่วโซเชียลของจีน เป็นเหตุการณ์ขณะที่ภรรยาของนายแพทย์หลิวจี้อหมิง (Liu Zhiming) อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลอู่ฮั่นอู่ชาง ในเมืองอู่ฮั่นพยายามยื้อรถที่บรรทุกศพของสามีกำลังเคลื่อนตัวออกจากโรงพยาบาล ด้วยเสียงร่ำไห้ที่น่าสงสารอย่างยิ่ง
นายแพทย์หลิวจี้อหมิง วัย 51 ปี อุทิศตนในแนวหน้าของการระบาดแต่ติดเชื้อโควิด 19 จนเสียชีวิตเมื่อวันอังคารในวัย 51 ปี หลังจากที่เพิ่งฉลองวันเกิดได้เพียง 1 สัปดาห์ ภรรยาของคุณหมอก็ทำหน้าที่พยายามในแนวหน้าด้วย และเดินทางมาส่งร่างไร้วิญญาณของสามีที่โรงพยาบาลอู่ฮั่นถงจี้ สาขาจงฝ่าซินเฉิง พร้อมด้วยสมาชิกในครอบครัว มิตรสหาย และเพื่อนร่วมงาน แต่เมื่อรถกำลังจะเคลื่อนอออกไป ภรรยาของคุณหมอก็ร้องไห้เสียงดังแล้ววิ่งไปคว้าท้ายรถไม่ยอมให้รถออกไปยังสุสานเผาศพ เป็นภาพที่สร้างความสะเทือนใจอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ ภรรยาคุณหมอเป็นพยาบาลในหน่วยวิกฤตที่โรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง คือ โรงพยาบาลอู่ฮั่นหมายเลข 3 และทำงานอย่างหนักจนไม่ได้พบหน้าสามีมานานถึงเกือบ 1 เดือนแล้ว แต่สุดท้ายทั้งคู่ต้องมาจากกันไปตลอดกาล
ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ในจีนยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อวานนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 118 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้เสียชีวิตในเมืองอู่ฮั่นถึง 99 คน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมทั้งประเทศอยู่ที่ 2,236 คน ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เมื่อวานนี้พบเพิ่มอีก 889 คน ซึ่งมากกว่าตัวเลขของวันก่อนที่พบ 394 คน ยอดผู้ติดเชื้อทั่วประเทศทั้งหมดอยู่ 75,465 คน แม้ว่าขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในจีนจะเริ่มมีแนวโน้มที่ลดลง แต่องค์การอนามัยโลก ระบุว่า ยังเร็วเกินไปกว่าที่จะสรุปได้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะลดลงอย่างต่อเนื่องต่อไปหรือไม่
แต่ที่น่าเป็นห่วงกลับเป็นที่ประเทศเกาหลีใต้ เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 52 คน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อทั้งหมดเพิ่มเป็น 156 คนแล้ว และมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 1 คน สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่นั้น 39 คน เคยไปเข้าร่วมพิธีทางศาสนาที่โบสถ์คริสต์แห่งหนึ่งในเมืองแทกู จนรัฐบาลต้องประกาศให้เมืองแทกูและเมืองซองโดของเกาหลีใต้เป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ.-สำนักข่าวไทย