โตเกียว 27 ม.ค.- เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ระบาดที่ทำให้จีนต้องจำกัดการเดินทางทั้งประเทศกำลังส่งผลกระทบรุนแรงต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของหลายประเทศในเอเชียที่พึ่งพานักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นหลัก
ทางการจีนสั่งงดเที่ยวบินเข้าออกเมืองอู่ฮั่น ต้นกำเนิดการระบาด ห้ามชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวเป็นหมู่คณะทั้งในและต่างประเทศ บริษัทวิจัยแคปิตัล อีโคโนมิกส์เผยว่า ตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมาชาวจีนออกท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่า หากสถานการณ์เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ระบาดในขณะนี้ส่งผลรุนแรงเหมือนเมื่อครั้งที่โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงหรือซาร์สระบาดช่วงปี 2545-2546 ที่ครั้งนั้นชาวจีนไปเที่ยวต่างประเทศลดลงเกือบ 1 ใน 3 ครั้งนี้เศรษฐกิจประเทศที่พึ่งพานักท่องเที่ยวจีนเป็นหลักน่าจะถูกกระทบร้อยละ 1.5-2.0 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี (GDP)
นักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์โนมูระคาดว่า ยากที่ญี่ปุ่นจะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ได้ถึง 40 ล้านคนในปีนี้ตามเป้าหมาย เพราะชาวจีนครองสัดส่วนถึงร้อยละ 27 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ชาวจีนมาเที่ยวญี่ปุ่นมากถึง 8.4 ล้านคนในปี 2561 เพิ่มขึ้นจาก 450,000 คนในปี 2546 ธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบหนักที่สุดนอกเหนือจากโรงแรม ร้านอาหารและแหล่งท่องเที่ยวคือ ร้านค้า เพราะชาวจีนนิยมซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องสำอาง และของใช้เบ็ดเตล็ดในญี่ปุ่น
นักกลยุทธ์การตลาดของแอกซีคอร์ปเชื่อว่า ญี่ปุ่นน่าจะต้านทานผลกระทบได้ดีกว่าไทยที่พึ่งพาการท่องเที่ยวถึงร้อยละ 18 ของจีดีพี เฉพาะชาวจีนครองสัดส่วนกว่า 1 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ชาวต่างชาติคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของโรงแรมขนาด 40 ห้องบนเกาะภูเก็ตเผยว่า ช่วงสองวันมานี้ภูเก็ตเงียบเหงาราวกับเกาะร้างเพราะพึ่งพานักท่องเที่ยวชาวจีนมากเป็นพิเศษ
ด้านออสเตรเลียที่กำลังเดือดร้อนจากไฟป่าก็น่าจะได้รับผลกระทบเช่นกัน ชาวจีนเข้าไปเที่ยวเพิ่มขึ้นสองเท่าในช่วง 6 ปีจนเดือนกลางปีก่อน และครองสัดส่วนร้อยละ 15 นักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ประธานกรรมการบริหารหรือซีอีโอ (CEO) ของสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยอมรับว่า ยากจะคาดการณ์ได้ว่าวิกฤตไวรัสจะยืดเยื้อนานแค่ไหน เบื้องต้นคาดไว้ที่ 3-6 เดือน แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์จะพลิกผันอย่างไรในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า.- สำนักข่าวไทย