ปักกิ่ง 17 ม.ค.- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเผยว่า ปีที่แล้วผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี (GDP) ขยายตัวร้อยละ 6.1 ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2533 เพราะการบริโภคในประเทศอ่อนตัว และผลจากความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐ
เอเอฟพีระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้และสอดคล้องกับเป้าหมายที่ทางการจีนตั้งไว้ที่ร้อยละ 6.0-6.5 แต่ลดลงมากเมื่อเทียบกับปี 2561 ที่ขยายตัวร้อยละ 6.6 สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนอธิบายว่า เศรษฐกิจจีนขยายตัวไม่ดีนักช่วงไตรมาสแรกของปีก่อน แต่ทรงตัวได้ที่ร้อยละ 6.0 ในสองไตรมาสสุดท้าย ภาพรวมแล้วถือว่าขยายตัวอย่างยั่งยืนตลอดทั้งปีท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกและการค้าที่ขยายตัวลดลง นอกจากนี้ยังมีเหตุที่ทำให้เกิดภาวะไร้เสถียรภาพและความเสี่ยงหลายอย่าง เพิ่มแรงกดดันให้เศรษฐกิจขยายตัวลดลง
ธนาคารโลกออกรายงานเมื่อต้นเดือนว่า ยอดส่งออกที่ลดลงซ้ำเติมเศรษฐกิจจีนที่มีการบริโภคลดลง ขณะที่ความไม่แน่นอนทางนโยบายและสินค้าส่งออกไปสหรัฐที่ถูกเรียกเก็บภาษีสูงขึ้นก็ส่งผลลบต่อกิจกรรมการผลิตและบรรยากาศการลงทุน ปีที่แล้วการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนขยายตัวร้อยละ 5.7 ลดลงจากร้อยละ 6.2 ในปี 2561 ส่วนยอดค้าปลีกขยายตัวร้อยละ 8.0 ลดลงจากร้อยละ 9.0 ด้านนักวิเคราะห์มองว่า เศรษฐกิจจีนชะลอตัวเพราะปัจจัยทางโครงสร้าง ทั้งเรื่องการเป็นเศรษฐกิจที่มีการพัฒนามากขึ้นและเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางประชากร เช่น เด็กเกิดใหม่ลดลงทำให้ประชากรวัยทำงานลดลง และประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้น.- สำนักข่าวไทย