ซันติอาโก 15 พ.ย.- จักษุแพทย์ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงซันติอาโกของชิลีเผยว่า มีผู้ประท้วงได้รับบาดเจ็บที่ตามากผิดปกติราวกับเกิดโรคระบาด ขณะที่การประท้วงต่อต้านรัฐบาลยืดเยื้อมา 4 สัปดาห์แล้ว
จักษุแพทย์ที่โรงพยาบาลซัลวาดอร์เผยว่า ทำงานมา 20 ปี ไม่เคยเจอคนไข้บาดเจ็บที่ตามากมายราวกับเกิดโรคระบาดแบบนี้มาก่อน คนไข้ 35 คน มีแนวโน้มจะตาบอดถาวร กลุ่มสิทธิและวิทยาลัยแพทย์ชิลีเชื่อว่า จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บที่ตาในชิลีมีมากกว่าการประท้วงในฮ่องกงหรือการประท้วงเสื้อกั๊กเหลืองในฝรั่งเศสเสียอีก สถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของชิลีเผยในสัปดาห์นี้ว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บที่ตาประมาณ 197 คน เพราะปืนอัดลม แก๊สน้ำตา และอาวุธอื่น ๆ
นักศึกษาวัย 18 ปีเผยว่า ขณะที่กำลังวิ่งหนีเพราะได้ยินเสียงปืนดัง ได้หันกลับไปหาที่มาของเสียงปืน มีกระสุนปืนยาง 8 นัดยิงมาที่เขา นัดหนึ่งทำให้ตาซ้ายปิด เลือดไหลอาบหน้า อีกนัดเกือบถูกตาขวา พวกนั้นต้องการทำให้เขาเจ็บปวดและอับอาย แต่ตรงกันข้ามเขากลับโกรธแค้นมากกว่าเจ็บปวด และเกลียดชังมากกว่าอับอาย เขาร่วมประท้วงแถวบ้านต่อต้านนโยบายรัดเข็มขัดและค่าครองชีพสูงเพราะต้องการเรียกร้องความเสมอภาคในสังคม ด้านชายวัย 35 ปีเผยระหว่างรอจักษุแพทย์ที่โรงพยาบาลซัลวาดอร์ในกรุงซันติอาโกว่า ถูกยิงเข้าที่ตาขวาขณะตีกลองกับนักดนตรีคนอื่น ๆ ที่จัตุรัสพลาซาอิตาเลียใจกลางเมืองหลวง เขาล้มลงแล้วลุกขึ้นยืนตะโกนท้าทายว่าไม่มีทางทำให้เขายอมแพ้ได้ ชายอีกคนวัย 43 ปีที่รอตรวจตาที่บาดเจ็บเช่นเดียวกันเผยว่า พวกนั้นพยายามดับไฟด้วยการราดน้ำมันลงบนกองไฟ ประชาชนจะยังออกไปชุมนุมเรียกร้องศักดิ์ศรีของตัวเองต่อไป
การประท้วงเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม ชนวนเหตุจากการขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าในเมืองหลวงและบานปลายกลายเป็นการก่อจลาจลเพราะไม่พอใจรัฐบาล อัยการเผยว่า มีผู้เสียชีวิตจากการประท้วงแล้ว 20 คน ในจำนวนนี้ 5 คนเสียชีวิตเพราะเจ้าหน้าที่ความมั่นคง สถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของชิลียื่นฟ้องสารวัตรทหารแล้ว 179 คดี มีทั้งคดีฆาตกรรม ใช้ความรุนแรงทางเพศ และทรมาน.- สำนักข่าวไทย