จีนเตือนเหตุประท้วงรุนแรงในฮ่องกง

ฮ่องกง 12 พ.ย.-จีนเตือนเหตุรุนแรงระหว่างการประท้วงในฮ่องกง อาจส่งผลให้รัฐบาลจีนจำเป็นต้องส่งกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนเข้ามาควบคุมความสงบเรียบร้อยในฮ่องกง


พนักงานและอาสาสมัครระดมกำลังเก็บกวาดซากความเสียหายจากการชุมนุมประท้วงที่ย่านมงก๊ก บนเกาะเกาลูน ย่านธุรกิจสำคัญของฮ่องกง หลังตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและฉีดน้ำสลายกลุ่มผู้ประท้วงเมื่อวานนี้ ขณะที่สื่อจีนเตือนเหตุรุนแรงระหว่างการประท้วง ทั้งตำรวจยิงผู้ประท้วงได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งเหตุเผาชายคนหนึ่ง อาจส่งผลให้รัฐบาลจีนจำเป็นต้องส่งกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน หรือ PLA เข้ามาควบคุมความสงบเรียบร้อยในฮ่องกง ด้านนางแคร์รี หลำ ผู้บริหารฮ่องกง ระบุว่าการก่อเหตุจลาจลเป็นการทำลายสังคม และการใช้กำลังรุนแรงไม่ช่วยให้บรรลุข้อเรียกร้อง.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีตครูจำใจสร้างห้องขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา

สลด! อดีตครูวัย 64 ปี จำใจจ้างช่างทำห้องคล้ายกรงขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา-พนันออนไลน์ หลังส่งตัวบำบัดกว่า 10 ครั้ง แต่ออกมาก็เหมือนเดิม

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2 โชคดีบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ส่งรักษาตัวที่ รพ.เจ้าพระยา

อาม่าแจ้งความ “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธีสูญ 60 ล้าน

อาม่าวัย 77 ปี โร่แจ้งความเอาผิด “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธี-แนะซื้อวัตถุมงคลแล้วไม่ได้รับของ สูญเงินกว่า 60 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” ปรากฏตัวแล้ว บอกไม่สบายใจมี ตร.เฝ้าหน้าบ้าน

ปรากฏตัวแล้ว “ทนายตั้ม” พบตำรวจเหตุมีเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าที่บ้าน พร้อมแจงปมเงิน 39 ล้านบาท ค่าศิลปินจีน ที่แท้เป็นมิจฉาชีพหลอก “เจ๊อ้อย” ปฏิเสธพบคู่กรณี บอกยังไม่พร้อมคุย

เกาะกูด

“ภูมิธรรม” ย้ำจะรักษาผลประโยชน์ทางทะเลของไทยไว้เท่าชีวิต

“ภูมิธรรม” มอง MOU44 คือกลไกที่ดีที่สุด ก่อนย้อนกลุ่มการเมือง พปชร.ไปถามหัวหน้าพรรคตัวเอง เพราะเป็นคนนำเจรจาในปี 57 ยันไม่เคยยกเลิกในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ย้ำรัฐบาลจะรักษาดินแดน-ผลประโยชน์ทางทะเลของไทยไว้เท่าชีวิต

US election

ทรัมป์-แฮร์ริส หาเสียงวันสุดท้าย ก่อนหย่อนบัตรวันนี้

ขณะนี้เหลือไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็จะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 5 พฤศจิกายน ผลสำรวจความเห็นประชาชนต่างชี้ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ และนางคอมมาลา แฮร์ริส