จาการ์ตา 5 พ.ย.- เศรษฐกิจอินโดนีเซียไตรมาสสามของปีนี้ขยายตัวร้อยละ 5.02 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ถือว่าต่ำที่สุดในรอบกว่า 2 ปี คาดทางการจะออกมาตรการในเร็ว ๆ นี้เพื่อกระตุ้นความต้องการบริโภคในประเทศในยามที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว
สำนักงานสถิติแห่งชาติอินโดนีเซียแจ้งตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี (GDP) ไตรมาสสิ้นสุดเดือนกันยายนว่า ขยายตัวต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2560 ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 5.01 และลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสสองที่ขยายตัวร้อยละ 5.05 หัวหน้าสำนักงานสถิติกล่าวว่า เศรษฐกิจโลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนซึ่งกระทบหลายประเทศ ดังนั้นการที่จีดีพีอินโดนีเซียโตลดลงก็ถือว่าไม่มากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น
รอยเตอร์ระบุว่า แม้เศรษฐกิจอินโดนีเซียที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พึ่งพาการบริโภคในประเทศเป็นหลัก แต่การเติบโตก็ได้รับผลกระทบจากการค้าโลกชะลอตัว เพราะสงครามการค้าจีน-สหรัฐกระทบการส่งออก ส่งผลให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงและการบริโภคโดยรวมซบเซาลง การบริโภคภาคครัวเรือน การใช้จ่ายภาครัฐ และการลงทุนในไตรมาสสามล้วนลดลงจากไตรมาสสอง
ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ซึ่งได้รับเลือกตั้งอีกสมัยเมื่อเดือนเมษายนรับปากจะเพิ่มโอกาสด้านการลงทุน แต่ก็ถูกจำกัดด้วยเรื่องรัฐบาลมีรายได้ลดลงตามภาคธุรกิจ นักวิเคราะห์ชี้ว่า กลไกขับเคลื่อนการเติบโตล้วนชะลอตัวลงหมด แต่ที่เศรษฐกิจยังโตได้เพราะยอดนำเข้าลดลง คาดว่าทางการจะใช้เครื่องมือที่มีอยู่ทั้งหมดหาทางกระตุ้นการเติบโต และเครื่องมือที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือเครื่องมือทางการคลัง เพราะธนาคารกลางลดดอกเบี้ยไปแล้ว 4 ครั้งรวมร้อยละ 1.0 ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม.-สำนักข่าวไทย