กัวลาลัมเปอร์ 30 ต.ค.- ธนาคารในมาเลเซียกำลังปิดบัญชีเงินฝากของบุคคลและนิติบุคคลอิหร่าน ส่งสัญญาณว่ามาตรการคว่ำบาตรสหรัฐกำลังส่งผลอย่างกว้างขวางต่อพลเมืองอิหร่าน รวมไปถึงคนที่อยู่ในต่างประเทศ
อาจารย์มหาวิทยาลัยชาวอิหร่านคนหนึ่งเผยว่า ได้รับแจ้งจากธนาคารซีไอเอ็มบีเมื่อเดือนสิงหาคมว่าจะปิดบัญชีเงินฝากที่เขาเปิดมานานถึง 14 ปี ทำให้เขาต้องรีบถอนเงินออกมาก่อนที่จะถูกปิดภายในหนึ่งเดือน แม้ว่าเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมายังสามารถเข้าบัญชีผ่านทางออนไลน์ได้อยู่ก็ตาม ชาวอิหร่านคนหนึ่งบ่นว่า เมื่อไม่มีบัญชีเงินฝากทำให้พวกเขาต้องซุกเงินไว้ใต้หมอนหรือเก็บเงินไว้ตามหม้อไหแบบคนโบราณ ถือว่าไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง ด้านสถานทูตอิหร่านในกรุงกัวลาลัมเปอร์แถลงว่า กำลังหาทางแก้ปัญหาอยู่ หวังว่าการเจรจาจะได้ผลในทางที่ดี และว่ามีบริษัทอิหร่านได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน
รอยเตอร์ระบุว่า ปัจจุบันมีชาวอิหร่านอาศัยอยู่ในมาเลเซียประมาณ 10,000 คน แม้รัฐบาลสหรัฐออกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านเมื่อปลายปีก่อน รัฐบาลมาเลเซียยังคงมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่าน และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วผู้นำสองประเทศเพิ่งหารือเรื่องกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน ยังไม่ชัดเจนว่าการปิดบัญชีเงินฝากบุคคลและนิตบุคคลอิหร่านครั้งนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องสหรัฐไม่พอใจที่เรือบรรทุกน้ำมันอิหร่านล่องเรือนอกชายฝั่งมาเลเซียในปีนี้หรือไม่
ซีไอเอ็มบีระบุในหนังสือที่มีไปถึงลูกค้าชาวอิหร่านว่า ขอแสดงความเสียใจที่ต้องแจ้งให้ทราบว่าธนาคารไม่สามารถให้บริการลูกค้าได้อีกต่อไป และไม่ได้ชี้แจงเหตุผลใด ๆ ชาวอิหร่านบางคนเผยว่า เจ้าหน้าที่ธนาคารให้เหตุผลว่าเป็นการตรวจสอบเข้มงวดขึ้น อันเป็นผลจากมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐ ด้านธนาคารกลางมาเลเซียตอบข้อถามชาวอิหร่านที่ร้องเรียนว่า เป็นการตัดสินใจของแต่ละธนาคารตามการประเมินและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ อย่างไรก็ดี เว็บไซต์ของธนาคารกลางได้ลงประกาศเมื่อเดือนกรกฎาคมอ้างถึงแถลงการณ์ของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการเงินว่าด้วยการฟอกเงินหรือเอฟเอทีเอฟ (FATF) ที่ขอให้ประเทศสมาชิกองค์กรสากลแห่งนี้เพิ่มการตรวจสอบธุรกรรมของชาวอิหร่าน.- สำนักข่าวไทย