ฮ่องกง 2 ต.ค.- เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ในฮ่องกงรายงานอ้างแหล่งข่าวที่ได้รับฟังรายงานสรุปเกี่ยวกับการหารือของทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสว่า ประธานาธิบดีเอมานูว์แอล มาครงของฝรั่งเศสจะเยือนจีนในเดือนหน้าเพื่อพบหารือเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการค้ากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน
แหล่งข่าวเผยว่า ประธานาธิบดีมาครงจะเยือนจีนเป็นครั้งที่สองนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในปี 2560 เพื่อหารือกับประธานาธิบดีสีเรื่องความร่วมมือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการค้า กำหนดตารางการเยือนยังอยู่ระหว่างเตรียมการ แต่คาดว่าเขาจะเยือนกรุงปักกิ่งและนครเซี่ยงไฮ้
เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ระบุว่า มาครงวัย 41 ปี ถูกมองว่าเป็นผู้นำเชิงรุกมากที่สุดของยุโรป เขาแสดงบทบาทคนกลางระหว่างรัสเซียกับยูเครน และระหว่างสหรัฐกับอิหร่าน นอกจากนี้ยังวิจารณ์จีนที่แผ่อิทธิพลในยุโรป โดยได้ประกาศเมื่อครั้งอิตาลีลงนามบันทึกความเข้าใจเข้าร่วมโครงการเส้นทางสายไหมในศตวรรษที่ 21 (Belt and Road Initiative) ของจีนเมื่อเดือนมีนาคมว่า ถึงเวลาที่ยุโรปจะต้องเลิกไร้เดียงสาได้แล้ว ยุโรปใช้วิธีการที่ไม่ประสานงานกันและถูกจีนฉวยประโยชน์จากความแตกแยกนี้มานานหลายปี มาครงยังสนับสนุนให้มีกลไกตรวจสอบการลงทุนในยุโรปของธุรกิจจีน และสนับสนุนการแก้ไขระเบียบต่อต้านการผูกขาดที่เข้มงวดของสหภาพยุโรปหรืออียู ให้เอื้อต่อการที่กลุ่มธุรกิจใหญ่ของยุโรปจะควบรวมกิจการกัน เพื่อต้านทานอิทธิพลของกลุ่มธุรกิจจีน
ประธานหอการค้าอียูในจีนมองว่า เป็นเรื่องดีที่มาครงจะย้ำให้จีนรู้ว่ายุโรปไม่พอใจความร่วมมือระหว่างจีนกับประเทศในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก หรือที่รู้จักในชื่อ 17+1 เพราะกลุ่มนี้มีสมาชิกอียูบางประเทศรวมอยู่ด้วย อียูมีนโยบายจีนเดียว จึงหวังว่าจีนจะมีนโยบายอียูเดียวด้วยเช่นกัน
ในแง่ความสัมพันธ์ทวิภาคีนั้น ฝรั่งเศสครองส่วนแบ่งในตลาดจีนเพียงร้อยละ 1.4 แต่จีนครองส่วนแบ่งในตลาดฝรั่งเศสถึงร้อยละ 9 จีนเป็นประเทศที่ฝรั่งเศสขาดดุลการค้าให้มากที่สุดเมื่อปีก่อนถึง 29,200 ล้านยูโร (ราว 976,765 ล้านบาท) มากกว่าที่ฝรั่งเศสขาดดุลการค้าให้เยอรมนีเสียอีก ประธานาธิบดีมาครงเคยเรียกร้องระหว่างเยือนจีนครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคมปีก่อนให้สองประเทศปรับการค้าให้มีความสมดุล ส่วนเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จีนปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากที่สุดในโลกราวร้อยละ 30 ของคนทั้งโลก และยังคงอยู่ในข้อตกลงลดโลกร้อนปารีส จึงเป็นหุ้นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ฝรั่งเศสบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593.-สำนักข่าวไทย