กรุงเทพฯ 27 ก.ย. – นายหยาง ซิน อัครราชทูตที่ปรึกษา สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ย้ำจุดยืนการหยุดความรุนแรงในฮ่องกงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด มั่นใจฮ่องกงจะพัฒนาต่อไปภายใต้การปกครองหนึ่งประเทศสองระบบ เพื่อรักษาระบบบทุนนิยมในฮ่องกง และเป็นศูนย์กลางการเงินการค้าโลก
วันนี้ (27 ก.ย.) นายหยางกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง“อนาคตของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง” ที่บริษัท อสมท. จำกัดมหาชน โดยฝ่ายคลื่นวิทยุ FM100.5 ร่วมกับสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน จัดเสวนาหัวข้อ “ฮ่องกงวันนี้และอนาคต” ให้ผู้สนใจทั้งสาธารณชนและภาคธุรกิจได้ทราบข้อมูลเกี่ยวข้องกับการชุมนุมในฮ่องกง เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์และผลกระทบในด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว
อัครราชทูตที่ปรึกษากล่าวถึงสถานการณ์ที่ผ่านมาในฮ่องกงว่า ชาวฮ่องกงที่ไม่เข้าใจระบบตุลาการมีความกังวลต่อการเสนอข้อกฏหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนและมีผู้เจตนาไม่ดีปล่อยข่าวลือนำไปสู่การเดินขบวนและการชุมนุมเกินขอบเขต มีการโจมตีตำรวจด้วยวิธีรุนแรง ปิดล้อมสนามบิน รวมทั้งนักการเมืองทางฝ่ายตะวันตกออกเสียงเสนอญัตติ ก้าวก่ายกิจการภายในของฮ่องกงอย่างเปิดเผย สื่อมวลชนตะวันตกบางส่วนรายงานข่าวไม่ตรงตามความจริง ส่งเสริมพวกหัวรุนแรง
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปในทางบวก รัฐบาลฮ่องกงใช้มาตรการต่างๆปราบปราบอาชญากรรม ถอนร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน พบปะพูดคุยตัวแทนชุมชน แก้ปัญหาเรื่องที่ดินที่เป็นปัญหาหนักที่สุดของชาวฮ่องกง
อัครราชทูตที่ปรึกษาย้ำจุดยืนของรัฐบาลจีนคือสิ่งที่สำคัญที่สุดต้องหยุดการใช้ความรุนแรงของผู้ประท้วงบางกลุ่ม และจีนสนับสนุนนางแคร์รี หล่ำ ผู้บริหารเขตบริหารพิเศษฮ่องกงและฝ่ายตำรวจปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเข้มงวดยืนหยัดหลักการปกครอง หนึ่งประเทศสองระบบ ที่ชาวฮ่องกงมีสิทธิ ประชาธิปไตย เสรีภาพอย่างกว้างขวางภายใต้กฎหมายพื้นฐาน
นายหยางกล่าวว่า กิจการฮ่องกงเป็นกิจการภายในของจีนไม่ให้ต่างชาติก้าวก่าย ในกฎหมายพื้นฐานฮ่องกงระบุว่าหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศ รัฐบาลกลางจะไม่นิ่งดูดายและ มีความเป็นเป็นได้ที่จะใช้กฎหมายเชิงทั่วประเทศในเขตบริหารพิเศษ ไม่ปล่อยให้สถานการณ์เลวร้ายลง
อัครราชทูตที่ปรึกษาให้ความมั่นใจต่อนักธุรกิจและนักลงทุนว่าฮ่องกงจะพัฒนาต่อไปภายใต้การปกครองหนึ่งประเทศสองระบบ โดยจะยังคงเป็นศูนย์กลางการเงิน การค้า การขนส่ง โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลกลาง รักษาระบบทุนนิยมภายใต้กรอบกฎหมายพื้นฐาน โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ฮ่องกง ในปี 2018 มีมูลค่า 360,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สองเท่าของปี 1996 ซึ่งจีนและฮ่องกงมีมูลค่าการค้าระหว่างกันมากว่า 700,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2018มากกว่าการค้าระหว่างจีนและอเมริกา และฮ่องกงยังเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญในนโยบาย เส้นทางสายไหมใหม่ (One Belt One Road) ของจีน
ในด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศไทยนั้น ปีนี้ฮ่องกงได้จัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจการค้าที่กรุงเทพ ที่จะนำไปสู่ความร่วมมือการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กับไทยต่อไป
นอกจากปาฐกถาพิเศษโดยอัครราชทูตที่ปรึกษาจีน ในงานเสวนายังมี นายวิบูลย์ คูสกุล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงปักกิ่ง บรรยายพิเศษ เรื่องความสัมพันธ์ไทยจีน และนักวิชาการ ผศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผอ.ศูนย์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ นายชัยวัฒน์ วนิชวัฒนะ นายกสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับ อนาคตฮ่องกงและปลผระโยชน์ร่วมทางเศรษฐกิจไทย – สำนักข่าวไทย