ย่างกุ้ง 16 ก.ย. – คณะเจ้าหน้าที่สอบสวนของสหประชาชาติกล่าววันนี้ว่า ชาวมุสลิม โรฮิงญาที่ยังคงอยู่ในเมียนมา มีความเสี่ยงมากที่จะถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ พร้อมกับเตือนว่า การส่งตัวผู้อพยพโรฮิงญานับล้านคนกลับเมียนมา เป็นเรื่องที่ยังคงเป็นไปไม่ได้
คณะทำงานค้นหาข้อเท็จจริง ที่แต่งตั้งโดยคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวในรายงานขั้นสุดท้ายที่จะนำเสนอแก่คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติที่นครเจนีวา ของสวิตเซอร์แลนด์ในวันพรุ่งนี้ ระบุว่า ชาวโรฮิงญา ราว 600,000 คน ที่ยังคงอยู่ในรัฐยะไข่ ของเมียนมา มีสภาพความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่ เมียนมายังคงมีความตั้งใจที่จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และชาวโรฮิงญาก็ตกอยู่ในสภาพที่มีควมเสี่ยงสูงที่จะถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
รายงานฉบับนี้ยังระบุด้วยว่า เมียนมา ยังคงปฏิเสธเรื่องที่ถูกระบุว่ากระทำความผิด ยังทำลายหลักฐานและไม่ดำเนินการสอบสวนอย่างจริงจัง ในขณะเดียวกันก็เผา ทำลาย ยึดสิ่งปลูกสร้างและที่ดินที่ทำให้ชาวโรฮิงญาไม่มีที่อยู่อาศัย คณะทำงานชุดนี้ยังย้ำข้อเรียกร้องให้คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ นำเสนอเรื่องเมียนมาให้ศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ แต่งตั้งศาลพิเศษเพื่อพิจารณา ในลักษณะเดียวกับกรณีอดีตยูโกสลาเวียและรวันดา นอกจากนั้น ยังกล่าวว่า มีรายชื่อลับที่ระบุตัวบุคคลกว่า 100 รายชื่อ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่เมียนมารวมอยู่ด้วย ซึ่งต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติและก่ออาชญากรรมสงคราม นอกเหนือไปจากรายชื่อ 10 นายพลที่มีการเผยแพร่ไปก่อนหน้านี้
คณะทำงานค้นหาข้อเท็จจริงกล่าวเมื่อปีที่แล้วเรียกปฎิบัติการทางทหารของรัฐบาลเมียนมาต่อชาวโรฮิงญาเมื่อปี 2017 ว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และเรียกร้องให้ดำเนินคดีกับนายทหารระดับสูงของเมียนมา รวมทั้ง พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมา.-สำนักข่าวไทย