ซาอุดีอาระเบีย 16 ก.ย.- เหตุการณ์โจมตีโรงกลั่นน้ำมันในซาอุดีอาระเบียซึ่งทำให้กำลังการผลิตลดลงราวครึ่งหนึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น ขณะที่สหรัฐชี้เป็นฝีมือของอิหร่าน
ที่เห็นอยู่นี้คือภาพถ่ายดาวเทียมที่เผยให้เห็นว่าเกิดเพลิงไหม้ขึ้นที่โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทอารัมโคในเมืองอับกาอิกของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งถูกโจมตีเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา สร้างความเสียหายอย่างหนักแก่โรงกลั่นน้ำมันซึ่งได้ชื่อว่าเป็นโรงกลั่นใหญ่ที่สุดในโลก โดยโรงกลั่นน้ำมันแห่งนี้ผลิตและส่งออกน้ำมันมากกว่า 9.5 ล้าน บาร์เรลต่อวัน ส่วนใหญ่ส่งไปยังประเทศในเอเชีย ความเสียหายที่เกิดขึ้นทำให้กำลังการผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบียลดลงราวครึ่งหนึ่ง ซึ่งทางการคาดว่าจะต้องใช้เวลาแก้ไขอีกหลายสัปดาห์กว่าที่จะกลับมาผลิตน้ำมันได้เต็มกำลังอีกครั้ง เหตุการณ์โจมตีโรงกลั่นน้ำมันครั้งนี้ทำให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกหายไป 5 เปอร์เซ็นต์ส่งผลให้ราคาน้ำมันในวันนี้ทะยานขึ้นกว่า 10 เปอร์เซ็นต์
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ประกาศว่าอนุญาตให้ทางการสามารถปล่อยน้ำมันจากคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ได้ในปริมาณที่เหมาะสมหากเห็นว่ามีความจำเป็น ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุกลุ่มกบฏฮูธีในเยเมนซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน อ้างว่าทางกลุ่มได้ส่งอากาศยานไร้คนขับหรือโดรน 10 ลำเข้าไปโจมตี แต่นายไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวหาว่าการโจมตีโรงกลั่นเป็นฝีมือของอิหร่าน ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐเผยว่าอาวุธที่ใช้โจมตีน่าจะเป็นขีปนาวุธนำวิถีที่ใช้กับเป้าหมายบนพื้นดิน.-สำนักข่าวไทย