เจนีวา 21 ส.ค. – รายงานของกลุ่มอนุรักษ์ที่ใช้ชื่อว่า แทรฟฟิค ระบุว่า ตั้งแต่เปลี่ยนคริสตศตวรรษเป็นต้นมา มีเสือโคร่งถูกฆ่าและค้าโดยผิดกฎหมายไปแล้วกว่า 2,300 ตัว
รายงานระบุว่า นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 เป็นต้นมา แต่ละปีจะสามารถยึดซากเสือโคร่งได้กว่า 120 ตัว หรือคิดเป็นมากกว่า 2 ตัวในแต่ละสัปดาห์ โดยในปี ค.ศ. 1900 ทั่วโลกเคยมีเสือโคร่งประมาณ 100,000 ตัว แต่ในปี ค.ศ.2000 จำนวนเสือโคร่งทั่วโลกลดลงเหลือเพียง 3,200 ตัว จากนั้นความพยายามในการอนุรักษ์เสือโคร่งได้ช่วยเพิ่มจำนวนประชากรเสือ แต่ก็ช่วยได้ไม่มาก โดยปัจจุบันทั่วโลกเหลือเสือโคร่งเพียงไม่ถึง 3,900 ตัว
แทรฟฟิค ซึ่งรณรงค์ให้มีการคุ้มครองสัตว์ใกล้สูญพันธุ์และช่วยรัฐบาลของประเทศต่างๆ ตามจับผู้ค้าอวัยวะสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ระบุว่า นับตั้งแต่ปี ค.ศ.2000 ถึงปี 2018 มีการฆ่าเสือโคร่งทั้งหมด 2,359 ตัวใน 32 ประเทศ โดยหนังเสือโคร่งทั้งตัว คือชิ้นส่วนที่สามารถตรวจยึดได้บ่อยที่สุด โดยตรวจยึดได้เฉลี่ย 58 ผืนต่อปี
นอกจากนี้รายงานยังระบุถึงธุรกิจศูนย์เพาะพันธุ์เสือโคร่ง เพื่อป้อนเสือให้กับขบวนการค้าเสือโดยผิดกฏหมายด้วย โดยระบุว่าช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา กว่าครึ่งของเสือที่ยึดได้ในประเทศไทย และกว่าหนึ่งในสามของเสือที่ยึดได้ในเวียดนามมาจากศูนย์เพาะพันธุ์เสือโคร่ง.- สำนักข่าวไทย