วอชิงตัน 19 ส.ค.- ผลสำรวจที่เผยแพร่วันนี้พบว่า นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในอีกสองปีข้างหน้า แต่ปีที่เริ่มต้นจะช้าลงเมื่อเทียบกับผลสำรวจเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดได้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกในรอบทศวรรษ
สมาคมเพื่อนักเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติ (NABE) ได้สอบถามนักเศรษฐศาสตร์ 226 คน พบว่า ผู้ที่คิดว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะเริ่มในปีนี้มีเพียงร้อยละ 2 จากเดิมที่มีร้อยละ 10 ผู้ตอบร้อยละ 38 คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเริ่มหดตัวในปีหน้า แต่ร้อยละ 34 คิดว่าจะเริ่มในปีถัดไป กลุ่มหลังสุดนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการสำรวจเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เป็นความเปลี่ยนที่เกิดขึ้นหลังจากเฟดลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม เป็นการลดครั้งแรกตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลกปี 2551 เพราะเมื่อปีที่แล้วเฟดได้ขึ้นดอกเบี้ยถึงสี่ครั้ง
ประธานสมาคมระบุว่า ผู้ตอบแบบสำรวจชี้ว่าช่วงเวลาที่จะเริ่มเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะขึ้นกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน ผู้ตอบร้อยละ 46 คาดว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อยหนึ่งครั้งในปีนี้ ขณะที่หนึ่งในสามคาดว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยที่ระดับเดิมคือร้อยละ 2.0-2.25 นักเศรษฐศาสตร์ร้อยละ 55 ไม่คิดว่าคำวิพากษ์วิจารณ์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะมีผลต่อการตัดสินใจของเฟด แต่อาจทำให้ประชาชนไว้วางใจเฟดลดลง ขณะที่กว่าหนึ่งในสี่มองว่าจะทำให้เฟดดำเนินนโยบายประนีประนอมมากขึ้น กระทบต่อความเป็นอิสระในการทำหน้าที่ ส่วนเรื่องทางออกข้อพิพาทการค้ากับจีน ผู้ตอบร้อยละ 64 เชื่อว่าจะได้เพียงข้อตกลงผิวเผินเท่านั้น.- สำนักข่าวไทย