ย่างกุ้ง 6 ส.ค. – กระทรวงต่างประเทศเมียนมากล่าววานนี้ ตำหนิรายงานของสหประชาชาติที่เรียกร้องให้บรรดาผู้นำของประเทศต่างๆ ตัดความสัมพันธ์กับบริษัทที่มีทหารเข้าไปเกี่ยวข้องและใช้มาตรการคว่ำบาตรด้านอาวุธจากกรณีวิกฤติการณ์โรฮิงญา
กระทรวงต่างประเทศเมียนมา กล่าวในแถลงการณ์วันนี้ว่า สหประชาชาติได้กระทำการเกินอำนาจ เมื่อมีการจัดตั้งคณะค้นหาข้อเท็จจริงในเมียนมา ซึ่งเป็นผู้เขียนรายงานฉบับดังกล่าว คณะกรรมการชุดเดียวกันนี้ ยังลงความเห็นเมื่อปีทีแล้วว่า การกวาดล้างชาวโรฮิงญามีเจตนาที่จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ กระทรวงต่างประเทศเมียนมาระบุว่า รัฐบาลเมียนมาขอปฎิเสธรายงานดังกล่าวและข้อสรุปของรายงานฉบับนี้ด้วย พร้อมกับระบุว่า รายงานนี้เป็นความพยายามในการทำลายผลประโยชน์ของเมียนมาและประชาชนเมียนมา รัฐบาลขอยืนยันท่าทีเดิมที่ว่า ความร่วมมือจะต้องเป็นพื้นฐานของการนำไปสู่ข้อยุติในประเด็นต่างๆ รวมทั้งเรื่องสิทธิมนุษยชน นอกจากนั้น เมียนมายังไม่เชื่อว่า มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจจะแก้ปัญหาต่างๆ ได้ คณะผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติเรียกร้องเมื่อวานนี้ ให้ผู้นำประเทศต่าง ๆ ใช้มาตรการลงโทษทางการเงินกับบริษัที่มีกองทัพเมียนมาเกี่ยวข้องและกล่าวว่า บริษัทต่างชาติที่ทำธุรกิจกับบริษัทของเมียนมาเหล่านี้จะถือว่าสมรู้ร่วมคิในการก่ออาชญากรรมระหว่างประเทศด้วย คณะผู้ตรวจสอบระบุว่า มีบริษัทต่างชาติอย่างน้อย 59 แห่งที่ทำธุรกิจกับกองทัพเมียนมาและมี 14 บริษัทที่ขายอาวุธและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับกองกำลังรักษาความมั่นคงตั้งแต่ปี 2016 โดยบริษัทที่ทำธุรกิจกับเมียนมานี้ มีบริษัทของรัฐบาลของอิสราเอล อินเดีย เกาหลีเหนือและจีน รวมอยู่ด้วย.-สำนักข่าวไทย