วอชิงตัน 5 ส.ค.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐจะแถลงต่อประชาชนทั้งประเทศในวันนี้ หลังเกิดเหตุยิงสังหารหมู่สองครั้งภายในวันเดียวกัน มีผู้เสียชีวิตรวมกัน 29 คน ท่ามกลางเสียงครหาว่าคำพูดของทรัมป์มีส่วนทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้
ประธานาธิบดีทรัมป์จะแถลงในเวลา 10.00 น.วันนี้ตามเวลาสหรัฐ ตรงกับเวลา 21.00 น.วันนี้ตามเวลาในไทย ก่อนหน้านี้เขากล่าวหลังเกิดเหตุยิงที่ห้างวอลมาร์ตในเมืองเอลปาโซ รัฐเทกซัสมีผู้เสียชีวิต 20 คน บาดเจ็บ 26 คน ช่วงเช้าวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น และเหตุยิงนอกบาร์ในเมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอมีผู้เสียชีวิต 9 คน บาดเจ็บ 27 คนในเวลาห่างกันเพียง 13 ชั่วโมงว่า สหรัฐไม่ยอมรับความเกลียดชัง แต่ก็กล่าวโทษคนก่อเหตุว่าเป็นพวกป่วยทางจิตอย่างรุนแรง ถึงเวลาต้องหยุดยั้งเรื่องนี้หลังจากปล่อยให้เกิดขึ้นในสหรัฐมานานหลายปี ด้านเอเอฟพีแย้งว่า ตำรวจยังไม่ยืนยันเรื่องคนร้ายป่วยทางจิตแต่อย่างใด สื่อระบุว่า คนร้ายในเหตุยิงที่เทกซัสเป็นชายผิวขาววัย 21 ปี ชื่อแพทริค ครูเซียส เชื่อว่าเขาโพสต์คำประกาศเจตนาประณามชาวลาตินว่ารุกรานรัฐเทกซัส ส่วนคนร้ายก่อเหตุที่โอไอโฮ ตำรวจระบุว่าคือนายคอนเนอร์ เบตต์ส วัย 24 ปี ถูกตำรวจวิสามัญ เขาสวมหน้ากากและเสื้อกันกระสุน ถือปืนไรเฟิลบรรจุซองกระสุนเต็ม 100 นัดมากราดยิงผู้คน และทำให้พี่หรือน้องสาวที่มาด้วยถูกยิงเสียชีวิตไปด้วย
กลุ่มจดหมายเหตุความรุนแรงด้วยปืนระบุว่า เหตุการณ์สองครั้งนี้เป็นเหตุยิงสังหารหมู่เป็นครั้งที่ 250 และ 251 ที่เกิดขึ้นในสหรัฐปีนี้ กลุ่มนี้ให้คำนิยามคำว่า เหตุยิงสังหารหมู่ว่าหมายถึงเหตุยิงที่มีผู้เสียชีวิตตั้งแต่ 4 คนขึ้นไป ศูนย์กฎหมายความยากจนเขตใต้ชี้ว่า การที่ประธานาธิบดีทรัมป์เสแสร้งว่ารัฐบาลของเขาและการแพร่กระจายโวหารเชิงเกลียดชังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นในรัฐเทกซัส หากไม่เป็นความโง่เขลาก็เป็นการไร้ความรับผิดชอบ ประธานาธิบดีทรัมป์มักเรียกผู้เข้าเมืองชาวเม็กซิโกว่าเป็นพวกข่มขืนและค้ายาเสพติด และเมื่อกลุ่มผู้สนับสนุนตะโกนขับไล่สมาชิกสภาหญิงเชื้อสายโซมาเลีย ทรัมป์ก็ไม่ห้ามปรามแต่อย่างใด ด้าน ส.ว.เบอร์นี แซนเดอร์ส พรรคเดโมแครตทวีตว่า ประธานาธิบดีไม่เพียงไม่เผชิญหน้าและปลดอาวุธกลุ่มก่อการร้ายในประเทศ แต่ยังขยายและให้อภัยความเกลียดชังของคนเหล่านี้ ขอให้ประธานาธิบดียุติการกล่าวโวหารเหยียดผิว เกลียดชัง และต่อต้านคนเข้าเมืองได้แล้ว เพราะสร้างบรรยากาศส่งเสริมกลุ่มสุดโต่งที่นิยมความรุนแรง.-สำนักข่าวไทย