วอชิงตัน 29 ก.ค.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐแจ้งข่าวนายแดนเนียล โคตส์ ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติจะลาออกกลางเดือนหน้า นับเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนล่าสุดที่ลาออกจากรัฐบาลทรัมป์ และเป็นผู้ที่มีความเห็นไม่ตรงกับทรัมป์ในหลายเรื่องแต่พยายามเลี่ยงการเผชิญหน้าโดยตรง
ประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตว่า นายโคตส์จะลาออกวันที่ 15 สิงหาคมนี้ เขาเตรียมเสนอชื่อนายจอห์น รัตคลิฟฟ์ ส.ส.พรรครีพับลิกัน รัฐเทกซัส วัย 53 ปี ทำหน้าที่นี้แทน ปัจจุบันนายรัตคลิฟฟ์อยู่ในคณะกรรมการข่าวกรอง ตุลาการและมาตุภูมิในสภาผู้แทนราษฎร มักกล่าวปกป้องทรัมป์และวิจารณ์คู่อริของทรัมป์อย่างนายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) และนายโรเบิร์ต มุลเลอร์ อัยการพิเศษสอบสวนเรื่องรัสเซียแทรกแซงเลือกตั้งสหรัฐ สมาชิกพรรครีพับลิกันหลายคนแสดงความเห็นด้วยที่เขาจะมานั่งตำแหน่งผู้อำนวยข่าวกรองแห่งชาติ แต่สมาชิกพรรคเดโมแครตติงว่า ตำแหน่งนี้ควรอยู่เหนือการเมือง พูดแต่ความจริง และต้านทานการใช้อำนาจโดยมิชอบของประธานาธิบดี นายรัตคลิฟฟ์ไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้
สำหรับนายโคตส์ วัย 76 ปี รับตำแหน่งผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติคนที่ 5 ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2560 มีความเห็นไม่ตรงกับประธานาธิบดีหลายเรื่อง เขาเห็นด้วยกับข้อสรุปของหน่วยงานด้านข่าวกรองว่ารัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐปี 2559 ที่ทำให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะ และไม่เห็นด้วยที่ทรัมป์หารือเป็นการภายในเป็นเวลาสองชั่วโมงกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย โดยไม่มีเจ้าหน้าที่คนอื่นเลยนอกจากล่ามของทั้งสองฝ่าย ที่กรุงเฮลซิงกิของฟินแลนด์เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมปีก่อน ซึ่งเป็นการประชุมสุดยอดอย่างเป็นทางการครั้งแรก
โคตส์ยังได้แสดงความเห็นในรายงานประเมินภัยคุกคามทั่วโลกประจำปีเมื่อต้นปีนี้ว่า เกาหลีเหนือไม่มีท่าทีจะล้มเลิกอาวุธนิวเคลียร์ แม้พยายามเจรจาปลดนิวเคลียร์บางส่วนแลกกับการให้สหรัฐและนานาชาติผ่อนปรนในเรื่องสำคัญ ผู้นำเกาหลีเหนือมองว่าการมีอาวุธนิวเคลียร์จำเป็นต่อการอยู่รอด แต่ทรัมป์กลับยืนยันว่า นายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือพร้อมล้มเลิกอาวุธนิวเคลียร์ รายงานฉบับเดียวกันยังพูดถึงกลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส (IS) ว่า ยังไม่ถูกกำจัดและพร้อมกลับมาก่อการร้ายและโหมการโฆษณาชวนเชื่อใหม่ ทันทีที่สหรัฐถอนกำลังออกจากพื้นที่สู้รบ ไอเอสยังมีเครือข่ายในอิรักและซีเรีย และผู้สนับสุนนทั่วโลกแม้สูญเสียผู้นำและดินแดนยึดครองไปมากแล้วก็ตาม ขณะที่ทรัมป์ยืนยันว่าไอเอสถูกปราบไปแล้ว.-สำนักข่าวไทย