จาการ์ตา 11 ก.ค.- ราคาบัตรโดยสารเครื่องบินในประเทศของอินโดนีเซียปรับขึ้นมากทั้งที่รัฐบาลพยายามควบคุม ส่งผลให้ธุรกิจการท่องเที่ยวรวมทั้งยอดจองห้องพักซบเซา ทางการกำลังสอบสวนว่ามีการรวมกลุ่มกันผูกขาดทางธุรกิจหรือไม่
สตรีคนหนึ่งเผยว่า ควักเงินซื้อตั๋วเครื่องบินจากกรุงจาการ์ตาบนเกาะชวากลับไปเยี่ยมครอบครัวที่เมืองปาดังบนเกาะสุมาตราซึ่งห่างออกไปไม่ถึง 600 กิโลเมตร แพงขึ้นกว่าเดิมร้อยละ 40-60 โดยปีนี้ต้องจ่ายเงินถึง 1.7 ล้านรูเปียห์ (ราว 3,700 บาท) รอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลอินโดนีเซียมีคำสั่งเมื่อเดือนพฤษภาคมให้การูดาอินโดนีเซียและไลอ้อนแอร์ สองสายการบินที่ผูกขาดตลาดการบินในประเทศให้ลดราคาลงแต่ไม่เป็นผล คณะกรรมการกำกับดูแลการแข่งขันทางธุรกิจของอินโดนีเซีย หรือเคพีพียู (KPPU) กำลังสอบสวนว่า การูดาอินโดนีเซียและไลอ้อนแอร์รวมกลุ่มผูกขาดทางธุรกิจหรือไม่ และจะตรวจสอบการูดาเรื่องการบริหารงานศรีวิชัยแอร์ สายการบินใหญ่อันดับสามของประเทศด้วย เพราะเชื่อว่ามีการรวมหัวกันกำหนดราคาบัตรโดยสาร คณะกรรมการจะประกาศในสัปดาห์หน้าว่าจะนำเรื่องฟ้องศาลหรือไม่ ธุรกิจที่รวมหัวกันกำหนดราคามีโทษปรับสูงสุด 25,000 ล้านรูเปียห์ (ราว 54.42 ล้านบาท) ต่อรายต่อคดี
บริษัทวิจัยการเดินทางทางเครื่องบินเผยว่า สายการบินในอินโดนีเซียได้ลดจำนวนที่นั่งว่างลงร้อยละ 15 ช่วงเดือนมีนาคมถึงตุลาคม ทำให้จำนวนผู้โดยสารต่อปีลดลงเป็นครั้งแรกนับจากปี 2557 และราคาบัตรโดยสารแพงขึ้น แหล่งข่าวและข้อมูลสายการบินชี้ว่า สายการบินเหล่านี้เลิกขายตั๋วลดราคาในเส้นทางบินในประเทศหลายเส้นทาง และขายตั๋วส่วนใหญ่ในราคาสูงสุด ส่งผลให้ช่วงสี่เดือนแรกของปีนี้ ท่าอากาศยานนานาชาติซูการ์โน-ฮัตตา ในกรุงจาการ์ตาซึ่งเป็นท่าอากาศยานใหญ่ที่สุดของประเทศมีผู้โดยสารเดินทางในประเทศลดลงร้อยละ 22 แตะระดับต่ำสุดนับจากปี 2554 ขณะที่ประธานสมาคมโรงแรมและร้านอาหารอินโดนีเซียเผยว่า ยอดการจองที่พักช่วงครึ่งแรกของปีนี้ลดลงร้อยละ 10-30 เพราะราคาตั๋วเครื่องบินในประเทศแพงขึ้น.- สำนักข่าวไทย