โตเกียว 10 มิ.ย.- นักวิเคราะห์มองบทบาทของนายกรัฐมนตรีชิน โซ อาเบะของญี่ปุ่นที่จะทำหน้าที่คนกลางระหว่างสหรัฐกับอิหร่านด้วยการไปเยือนอิหร่านในสัปดาห์นี้ว่าจะได้ผลมากน้อยเพียงใด
นายกรัฐมนตรีอาเบะจะพบกับอยาตอลลาห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดและประธานาธิบดีฮัสซัน โรว์ฮานีระหว่างเยือนอิหร่าน 12-14 มิถุนายน นับเป็นผู้นำญี่ปุ่นคนแรกที่เยือนอิหร่านในรอบ 4 ทศวรรษ หลังจากมีการเยือนครั้งหลังสุดในปี 2521 หนึ่งปีก่อนการปฏิวัติอิสลามอิหร่าน นายโยชิฮิเดะ สุกะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวว่า รัฐบาลเชื่อว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ญี่ปุ่นเรียกร้องในระดับผู้นำกับผู้นำให้อิหร่านในฐานะมหาอำนาจระดับภูมิภาคคลี่คลายความตึงเครียด ยึดมั่นตามข้อตกลงนิวเคลียร์ และแสดงบทบาทสร้างสรรค์เพื่อเสถียรภาพของภูมิภาค เจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่นเผยว่า นายกรัฐมนตรีจะไม่เป็นตัวแทนนำสารจากสหรัฐหรือยื่นข้อเรียกร้องต่ออิหร่าน แต่ต้องการเป็นคนกลางที่เป็นกลางจริง ๆ
นายไมเคิล โบแซค ที่ปรึกษาพิเศษเรื่องความสัมพันธ์รัฐบาล สภาโยโกสุกะว่าด้วยเอเชียแปซิฟิกศึกษา ซึ่งเป็นหน่วยงานไม่แสวงหากำไรในเมืองโยโกสุกะของญี่ปุ่นชี้ว่า ญี่ปุ่นไม่ได้แบกภาระทางประวัติศาสตร์หรือศาสนาเหมือนคนกลางอื่น ๆ และได้แสดงเจตจำนงที่จะดำเนินนโยบายตะวันออกกลางตามแนวทางของตนเองมาโดยตลอด ทำให้นายกรัฐมนตรีอาเบะอยู่ในสถานะที่จะสามารถเจรจากับผู้นำสูงสุดอิหร่าน ทางเลือกตามข้อเสนอของญี่ปุ่นอาจเปิดทางให้กลุ่มแข็งกร้าวในอิหร่านอ่อนท่าทีลงโดยไม่ต้องเสี่ยงรับผลกระทบทางลบหากยอมรับทางออกของตะวันตก
นายเท็ตสึโระ คาโตะ อาจารย์รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยวาเซดะเห็นว่า นายอาเบะต้องการแสดงบทบาททางการทูตในยามที่การเผชิญหน้ากับรัสเซียเรื่องหมู่เกาะพิพาทและเกาหลีเหนือเรื่องปัญหานิวเคลียร์ถึงทางตัน นอกจากนี้การเยือนอิหร่านก็เพื่อประโยชน์ของญี่ปุ่นเองด้วย เพราะญี่ปุ่นต้องงดนำเข้าน้ำมันอิหร่านตามมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ จากเดิมที่นำเข้าร้อยละ 5 ของทั้งหมด ทำให้ตกที่นั่งลำบากเมื่อน้ำมันราคาแพง
นายเอบราฮิม ราฮิมปูร์ อดีตรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศอิหร่านมองว่า นายกรัฐมนตรีอาเบะมาอิหร่านหลังจากเพิ่งต้อนรับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐเมื่อเดือนก่อน แสดงว่าสหรัฐต้องการให้ญี่ปุ่นเป็นช่องทางการสื่อสาร ดังนั้นอิหร่านจะประกาศสิทธิและจุดยืนของตนเอง เพื่อให้อีกฝ่ายประกาศสิ่งที่อาจเป็นสารจากประธานาธิบดีสหรัฐ
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญหลายคนคิดว่า แม้ญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์อันดีมายาวนานทั้งกับอิหร่านและสหรัฐ แต่ผู้นำญี่ปุ่นไม่มีอิทธิพลเหนือประเทศใดประเทศหนึ่ง ภารกิจการเป็นคนกลางครั้งนี้คงไม่ต่างจากการเข็นครกขึ้นภูเขา อีกทั้งญี่ปุ่นไม่เคยแสดงบทบาทนำในปัญหาตะวันออกกลางมาก่อน จึงไม่สามารถคาดหวังผลมากนัก นอกจากหวังว่าจะช่วยการให้เจรจาไม่หยุดชะงักและช่วยคลี่คลายความตึงเครียดลงได้บ้าง.-สำนักข่าวไทย