วอชิงตัน 4 มิ.ย.- เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและเม็กซิโกเริ่มการหารือเรื่องประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกเพราะไม่หยุดยั้งคลื่นผู้เข้าลอบเข้าเมืองที่หลั่งไหลขึ้นมาจากทางใต้
นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐแถลงหลังหารือกับนางกราเซียลา มาร์เกซ รัฐมนตรีเศรษฐกิจเม็กซิโกเมื่อวันจันทร์ตามเวลากรุงวอชิงตันว่า ได้คุยกันเรื่องภาษีและขั้นตอนต่อไปของข้อตกลงการค้า เขาได้ย้ำความประสงค์ของประธานาธิบดีทรัมป์เรื่องเม็กซิโกต้องเพิ่มความพยายามช่วยสหรัฐแก้ปัญหาคนเข้าเมืองข้ามพรมแดนฝั่งเม็กซิโกเข้ามาในสหรัฐ ขณะที่นางมาร์เกซกล่าวว่า ทีมงานกำลังประเมินมาตรการตอบโต้ในกรณีที่ความพยายามทางการทูตในสัปดาห์นี้ไม่เป็นผล และจะทำแผนยุทธศาสตร์ที่คำนึงถึงปัจจัยหลาย ๆ ด้าน ขณะเดียวกันนายไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเตรียมจะหารือกับนายมาร์เซโล เอบาร์ด รัฐมนตรีต่างประเทศเม็กซิโกที่กรุงวอชิงตันเช่นกัน
ประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า จะเริ่มเก็บภาษีสินค้าเม็กซิโกร้อยละ 5 ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน จากนั้นจะทยอยเพิ่มร้อยละ 5 ต่อเดือนจนถึงร้อยละ 25 ในเดือนตุลาคม เพื่อกดดันรัฐบาลประธานาธิบดีอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ให้ยับยั้งขบวนผู้ลอบเข้าเมืองที่เดินทางมาจากอเมริกากลาง กระทรวงเกษตรเม็กซิโกเผยว่า การค้าเกษตรของสองประเทศมีมูลค่าวันละ 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4,078 ล้านบาท) เมื่อปีก่อน หากสหรัฐเก็บภาษีร้อยละ 5 มูลค่าการค้าเกษตรก็จะลดลงวันละ 3.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 119.2 ล้านบาท)
ขณะเดียวกันคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเม็กซิโกแถลงที่สถานทูตเม็กซิโกในกรุงวอชิงตันวานนี้เตือนว่า การขู่เก็บภาษีของสหรัฐไม่เพียงทำร้ายเศรษฐกิจของสองประเทศ แต่จะยิ่งกระตุ้นให้ชาวอเมริกากลางเดินทางขึ้นเหนือมาสหรัฐอีก 250,000 คน เม็กซิโกจะหาทางหลีกเลี่ยงภาษีเท่าที่ทำได้ในปัจจุบัน และจะไม่ยอมรับข้อตกลงประเทศที่สามที่กำหนดให้ผู้ขอลี้ภัยต้องยื่นขอลี้ภัยในเม็กซิโกก่อน เม็กซิโกมีข้อจำกัดในการเจรจา และข้อจำกัดนั้นก็คือศักดิ์ศรีของประเทศ ด้านพันธมิตรในพรรครีพับลิกันของทรัมป์ที่เตือนว่า มาตรการนี้จะกระทบผู้บริโภคชาวอเมริกันและเศรษฐกิจสหรัฐ.- สำนักข่าวไทย