ซานฟรานซิสโก 1 มิ.ย.- หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐกำลังเตรียมสอบสวนเรื่องการผูกขาดของกูเกิล อินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ
รายงานอ้างแหล่งข่าววงในว่า กระทรวงยุติธรรมจะสอบสวนพฤติกรรมของกูเกิลเรื่องเว็บสืบค้นและธุรกิจอื่น ๆ เจ้าหน้าที่กระทรวงมีอำนาจกำกับดูแลเรื่องต่อต้านการผูกขาดร่วมกับคณะกรรมาธิการการค้ากลางสหรัฐที่เคยสอบสวนกูเกิลอย่างครอบคลุมมาแล้วแต่ปิดการสอบสวนในปี 2556 โดยไม่มีการดำเนินการใด ๆ การเปิดสอบสวนใหม่นี้มีขึ้นในขณะที่กระแสต่อต้านบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ผูกขาดธุรกิจหลัก ๆ ในธุรกิจออนไลน์เริ่มรุนแรงขึ้น ส.ว.เอลิซาเบธ วอร์เรน ผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเรียกร้องว่า บริษัทใหญ่อย่างกูเกิล เฟซบุ๊ก และแอปเปิล ควรถูกแตกออกเป็นบริษัทเล็กเพื่อป้องกันการผูกขาด
อัลฟาเบต บริษัทแม่ของกูเกิลแจ้งว่า กำไรไตรมาสแรกปีนี้ลดลงร้อยละ 29 เหลือ 6,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 210,887 ล้านบาท) แม้ว่ารายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 เป็น 36,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.14 ล้านล้านบาท) เพราะถูกคณะกรรมาธิการยุโรปซึ่งเป็นหน่วยงานบริหารของสหภาพยุโรป หรืออียู สั่งปรับโทษฐานผูกขาดเป็นเงินถึง 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 53,508 ล้านบาท) เมื่อสิ้นเดือนมีนาคม รายได้หลักของอัลฟาเบตยังคงเป็นโฆษณาในกูเกิลที่ทำเงินให้บริษัทกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 944,271 ล้านบาท) อียูระบุว่า บริการโฆษณา AdSense ของกูเกิลจำกัดเว็บไซต์ลูกค้าไม่ให้แสดงข้อความของบริการโฆษณาที่เป็นคู่แข่ง ถือว่าผิดกฎหมาย
ปีที่แล้วอียูได้สั่งปรับกูเกิล 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 157,414 ล้านบาท) โดยกล่าวหาว่าอาศัยการครองตลาดของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ทำให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตใช้เว็บสืบค้นกูเกิลและบราวเซอร์โครมเป็นหลัก เท่ากับปิดทางคู่แข่ง กูเกิลประกาศเมื่อต้นปีว่าจะให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้เว็บสืบค้นและบราวเซอร์ได้มากถึง 5 แบบ ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐกล่าวหากูเกิลว่าลำเอียง ไม่แสดงเนื้อหาของกลุ่มอนุรักษ์นิยมไว้ในผลการสืบค้นลำดับต้น ๆ.-สำนักข่าวไทย