โคลัมโบ 25 เม.ย.- นักวิเคราะห์มองว่า วิกฤตความขัดแย้งทางการเมืองที่ดำเนินมานานในศรีลังกาคือต้นเหตุหลักที่ทำให้ศรีลังกาสูญเสียหนักจากเหตุระเบิดหลายระลอกในวันอีสเตอร์
ผู้เชี่ยวชาญชาวศรีลังกาของอินเตอร์เนชันนัลไครซิสกรุ๊ปมองว่า ประธานาธิบดีไมตรีปาละ สิริเสนาพยายามบั่นทอนอำนาจของนายกรัฐมนตรีรานิล วิกรมสิงเหที่เขาพยายามปลดออกตั้งแต่ปีก่อน เช่น ดึงกำลังตำรวจมาอยู่ภายใต้อำนาจของตนเอง เป็นเหตุให้ตำรวจไม่แบ่งปันข้อมูลกับรัฐมนตรีที่ไม่ใช่พรรคพวกของประธานาธิบดี ผู้บัญชาการตำรวจศรีลังกาออกประกาศเตือนเมื่อวันที่ 11 เมษายนโดยอ้างหน่วยข่าวกรองต่างชาติว่า กลุ่มเนชันแนล ธอว์ฮีด จามัต หรือเอ็นทีเจ (NTJ) วางแผนระเบิดฆ่าตัวตายตามโบสถ์สำคัญ ประกาศนี้ถูกส่งไปยังเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคน ยกเว้นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยกลาโหม
เอเอฟพีอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ว่า หลังเกิดระเบิดในวันอีสเตอร์ได้ไม่กี่ชั่วโมง นายกรัฐมนตรีวิกรมสิงเหได้เรียกประชุมฉุกเฉินผู้บัญชาการเหล่าทัพ แต่ไม่มีใครมาร่วมประชุมโดยอ้างว่า ฟังแต่คำสั่งประธานาธิบดีผู้ควบตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมเท่านั้นซึ่งระหว่างนั้นอยู่ระหว่างท่องเที่ยวต่างประเทศ ทำให้นายกรัฐมนตรีต้องไปตามถึงกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพเหล่านั้นจึงยินยอม ด้านหัวหน้าศูนย์ทางเลือกนโยบายในกรุงโคลัมโบชี้ว่า การแย่งชิงทางการเมืองส่งผลให้ปัญหาด้านความมั่นคงถูกลดความสำคัญลง สภาความมั่นคงแห่งชาติที่มีประธานาธิบดีไมตรีปาละเป็นประธานประชุมโดยไม่มีนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยกลาโหมเข้าร่วมมานานกว่า 4 เดือนแล้ว ทั้งประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีปล่อยให้ความเกลียดชังส่วนตัวอยู่เหนือความมั่นคงของประเทศ ผู้นำมีหน้าที่ปกป้องประชาชน หากล้มเหลวและทำให้ประชาชนล้มตาย ก็ถือว่ามีความผิดอาญาโทษฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่.-สำนักข่าวไทย