ปักกิ่ง 14 เม.ย.- นักวิเคราะห์คาดว่า เศรษฐกิจจีนไตรมาสเดือนมกราคม-มีนาคมปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 6.3 ลดลงจากร้อยละ 6.5 และ 6.4 ในไตรมาสสามและสี่ของปีก่อน เพราะรัฐบาลจีนหันมาใช้มาตรการที่ผ่านการทดสอบแล้วในการรับมือกับความต้องการในตลาดโลกที่ซบเซาและผลกระทบจากสงครามการค้ากับสหรัฐ
เอเอฟพีสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ 13 คนก่อนที่จีนจะเผยแพร่ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพีอย่างเป็นทางการในวันพุธนี้ ตัวเลขคาดการณ์ที่ร้อยละ 6.3 ถือเป็นตัวเลขรายไตรมาสต่ำที่สุดในรอบเกือบสามทศวรรษ แต่ก็ยังอยู่ในเป้าหมายที่รัฐบาลจีนคาดว่าเศรษฐกิจทั้งปีจะโตร้อยละ 6.0-6.5 ต่ำกว่าปี 2561 ที่โตร้อยละ 6.6 ช่วงหลายเดือนมานี้รัฐบาลจีนรับมือกับเศรษฐกิจชะลอตัวด้วยมาตรการกระตุ้นหลายอย่าง ลดภาษีและค่าธรรมเนียมขนานใหญ่ให้แก่ภาคธุรกิจที่กำลังมีปัญหา ขณะเดียวกันต้องพยายามรักษาสมดุลเรื่องการให้สินเชื่อแก่ภาคธุรกิจโดยไม่ทำให้หนี้สินพอกพูน
นักวิเคราะห์ของแคปิตัลอิโคโนมิกส์เผยว่า สินเชื่อธนาคารเติบโตในอัตราต่อเดือนเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2559 และต้องรออย่างน้อย 6 เดือนสินเชื่อจึงจะกระจายสู่เศรษฐกิจอย่างเต็มที่ แต่นักวิเคราะห์ของราโบรีเสิร์ชเตือนว่า สินเชื่อมักลงไปไม่ถึงภาคเอกชน และสัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีของจีนขณะนี้ก็เกินไปมากแล้ว นักเศรษฐศาสตร์ของดีบีเอสมองว่า การขยายตัวขณะนี้ส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดมหึมาที่ถูกรื้อฟื้นอีกครั้งหลังจากถูกดองไว้นาน แต่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังเปราะบาง อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.9 ในเดือนธันวาคมเป็นร้อยละ 5.3 ในเดือนกุมภาพันธ์ ยอดค้าปลีกยังคงโตเกือบน้อยที่สุดในรอบ 15 ปี อย่างไรก็ดี กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟปรับเพิ่มการคาดการณ์เศรษฐกิจจีนทั้งปีในปีนี้ว่าจะโตร้อยละ 6.3 จากเดิมที่คาดไว้ที่ร้อยละ 6.2 เพราะจีนได้ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐมีท่าทีคลี่คลายชัดเจน.-สำนักข่าวไทย